นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คาดว่า ทิศทางเศรษฐกิจในปี 63 น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้หลังจากชะลอตัวมากในปีนี้ เนื่องจากภาครัฐจะเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ซึ่งจะทำให้มีการลงทุนในโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ขณะที่นักธุรกิจจะเริ่มลงทุนจริงหลังได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน ส่วนการค้าขายสินค้าในกลุ่ม CLMV ยังพอไปได้ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่การท่องเที่ยวยังเติบโตได้ดีตามที่คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน
"สถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าต่ำสุดแล้ว ทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้า คาดว่าน่าจะดีขึ้น" นายกลินท์ กล่าว
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ภาคเอกชนเป็นห่วง คือ สถานการณ์ทางการเมือง เพราะหากการเมืองมีเสถียรภาพ ไม่มีความขัดแย้งรุนแรง ก็จะช่วยดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศได้มากขึ้น
"ถ้ามัวแต่ตีกัน คงไม่ไหว น่าจะช่วยกันคนละไม้คนละมือ มีอะไรต้องแก้ไขก็ช่วยกัน แต่ไม่ได้มองว่าเป็นปัจจัยเสี่ยง แค่เป็นปัจจัยสนับสนุนมากกว่า ถ้าเข้ามาลงทุนแล้วมีกำไร ก็อยากอยู่เมืองไทย ถ้าไม่มีกำไรก็ไปที่อื่น" นายกลินท์ กล่าว
สำหรับค่าเงินบาทนั้น ในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 30-31 บาท/ดอลลาร์ คงไม่กลับไปอยู่ที่ระดับ 34-35 บาท/ดอลลาร์เหมือนในอดีต ซึ่งผู้ประกอบการคงต้องหาทางออกที่จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ เช่น การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เป็นต้น
ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งหากปรับขึ้นตามปกติ ทางผู้ประกอบการก็รับได้ แต่หากปรับขึ้นแบบก้าวกระโดดจะยิ่งกดดันให้ผู้ประกอบการหันไปใช้เครื่องจักรทดแทนมากขึ้น ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อปัญหาแรงงานตามมา และควรมีการเพิ่มพูนทักษะความรู้ให้กับแรงงานด้วย