นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 2-4 ธ.ค.62 ไทยเป็นเจ้าภาพการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ตุรกี ครั้งที่ 6 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งผลการเจรจามีความคืบหน้าโดยทั้งสองฝ่ายสามารถสรุปข้อบทพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้าได้แล้ว ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการผ่านพิธีการทางศุลกากร และลดต้นทุนทางการค้าของผู้ประกอบการ
ในส่วนการเจรจาข้อบทอื่นๆ ก็มีความคืบหน้าด้วยดี โดยเฉพาะเรื่องการค้าสินค้า กฎถิ่นกำเนิดสินค้า กฎระเบียบทางเทคนิค และการเยียวยาทางการค้า ตลอดจนได้หารือเรื่องการเปิดตลาด โดยได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อข้อเสนอรายการสินค้าที่ทั้งสองฝ่ายจะลด หรือยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรระหว่างกัน พร้อมทั้งตกลงแผนการประชุมในปีหน้า เพื่อเร่งรัดให้การเจรจาหาข้อสรุปและปิดรอบได้ภายในปี 63 ตามที่ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าไว้
นางอรมน กล่าวว่า การเจรจาเปิดตลาดนั้น ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะกลับไปปรับปรุงข้อเสนอเปิดตลาดของตนเองให้สามารถสนองตอบข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายมากขึ้น เพื่อให้ FTA ไทย-ตุรกี เป็นช่องทางสำคัญที่จะช่วยให้การค้าสองประเทศขยายตัวสู่ 2,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 63 และเกิดประโยชน์ต่อภาคการผลิตและภาคธุรกิจอย่างแท้จริง นอกจากนี้ เพื่อให้ FTA มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ทั้งสองฝ่ายได้หารือที่จะเพิ่มข้อบทเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เช่น การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และความร่วมมือด้านสินค้าฮาลาล เป็นต้น
สำหรับตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 36 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยในปี 61 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1,427 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปตุรกี 1,082 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้าจากตุรกี 345 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปตุรกี เช่น อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า เส้นใยประดิษฐ์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และสินค้านำเข้าสำคัญจากตุรกี เช่น เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รถไฟ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น