นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ต่างชาติลงทุนจากการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ในช่วง 11 เดือนของปี 62 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 22,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปีนี้มีคนต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจในโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการออกแบบ ติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบ และบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้า บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบระบบและให้การสนับสนุนทางเทคนิคดาวเทียมสำรวจทรัพยากร เป็นต้น
ขณะที่จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตมีทั้งสิ้น 193 ราย ลดลง 59 ราย หรือคิดเป็น 23% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับจำนวนการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในช่วง 11 เดือนของปี 62 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดลงเพียง 23 ราย หรือคิดเป็น 6.5% ซึ่งคำขอดังกล่าวอยู่ในระหว่างรอการพิจารณาอนุญาตของคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยโดยผ่านช่องทางการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งจากข้อมูลของ BOI พบว่ายอดการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือนของปี 62 เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 61 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 1,165 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 314,130 ล้านบาท ซึ่งนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI แล้วไม่ต้องขออนุญาตการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวตาม พ.ร.บ.ฯ นี้อีก
"เมื่อพิจารณาการเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยโดยรวมของช่องทางการขออนุญาตตาม พ.ร.บ.ฯ และตามช่องทางการส่งเสริมการลงทุนของ BOI แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติยังคงสนใจที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก" นายพูนพงษ์ กล่าว