นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย (KTB) ได้ร่วมกันคืนสิทธิให้กับผู้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ เฟส 1 และ 2 แต่ถูกตัดสิทธิเนื่องจากไม่สามารถเริ่มใช้ภายใน 14 วันในจังหวัดที่มิใช่ภูมิลำเนาของตนเองได้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1.1 ล้านคน ดังนั้นเมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 62 เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่ให้สามารถใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 ได้ทุกจังหวัด ในการนี้ จะมีการคืนสิทธิให้แก่ผู้ถูกตัดสิทธิในกรณีดังกล่าวสำหรับการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึง 31 ม.ค. 63
สำหรับผู้ที่เคยผ่านการยืนยันตัวตนจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและถ่ายรูปเปรียบเทียบใบหน้าในแอพพลิเคชัน "เป๋าตัง" แล้ว สามารถใส่หมายเลข PIN เดิมเพื่อใช้งานแอพพลิเคชันและรับสิทธิ์ได้ทันที
ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้ายืนยันตัวตน ขอให้ดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนในแอพพลิเคชันเพื่อรับสิทธิดังกล่าว
"ประชาชนผู้ได้รับสิทธิทั้ง 3 เฟส สามารถใช้สิทธิภายใต้มาตรการได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ม.ค.63 จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 เพื่อมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลที่จะถึงนี้และมีสิทธิได้รับเงินคืนสูงสุดถึง 20% อีกด้วย" นายพรชัย กล่าว
ขณะที่ ภาพรวมการใช้จ่ายของประชาชนตามมาตรการ "ชิมช้อปใช้" ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. จนถึงวันที่ 5 ธ.ค.62 มีผู้ใช้สิทธิรวม 3 เฟส เป็นจำนวน 11,780,066 ราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 19,233 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นใช้วงเงินใน G-Wallet 1 มีการเติมเงินใช้จ่ายใน G-Wallet 2 จำนวน 7,600 ล้านบาท ซึ่งยอดเพิ่มขึ้นรวดเร็วตั้งแต่เดือน พ.ย. ที่ผ่านมา
สำหรับการลงทะเบียนชิมช็อปใช้ เฟส 3 ของผู้สูงอายุที่กันไว้ให้ 5 แสนคน แต่มีคนมาลงทะเบียน 2.8 แสนคน ตอนนี้ได้ปิดลงทะเบียนแล้ว และกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างประเมินผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิจากกรณีต่างๆ ทั้งหมด เพื่อเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนอีกครั้งเพื่อให้ได้สิทธิใช้เงินจาก G-Wallet 2 ต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ KTB เดินหน้าผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" ทั้ง 3 เฟส ขยายการใช้จ่ายในส่วนของ G-Wallet 2 ให้สามารถซื้อสินค้าและบริการผ่านระบบเว็บไซต์กลางที่สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ โดยไปรษณีย์ไทยซึ่งมีเว็บไซต์ thailandpostmart.com แหล่งรวมสินค้าชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะเป็น e-Marketplace ร่วมกับธนาคารกรุงไทย พัฒนาระบบการชำระเงินด้วยแอพพลิเคชัน "เป๋าตัง" เมื่อช็อปสินค้าในเว็บไซต์ thailandpostmart.com พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 ได้แก่ ต่อที่ 1 รับเงินคืน หรือแคชแบ็ค (Cash Back) จากมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" โดยยอดซื้อไม่เกิน 30,000 บาท รับแคชแบ็ค 15% และยอดซื้อตั้งแต่ 30,001-50,000 บาท รับแคชแบ็ค 20% ต่อที่ 2 เมื่อช้อปสินค้าหมวด ชิม ช้อป ใช้ ครบ 1,000 บาทขึ้นไปรับคูปองส่วนลด 5% สำหรับการใช้จ่ายสินค้าในหมวดอื่นๆ ในครั้งถัดไป และต่อที่ 3 บริการขนส่งสินค้าจากออนไลน์สู่ปลายทางทุกที่ทั่วไทยด้วยบริการ EMS ส่งถึงผู้รับภายใน 1-2 วัน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงฯ เล็งเห็นศักยภาพของไปรษณีย์ไทยในการเป็นหน่วยงานหลักที่ได้พัฒนาระบบงานร้านค้าออนไลน์ ระบบการชำระเงินค่าสินค้า และระบบการขนส่ง เพื่อสร้างโอกาสให้ร้านค้าชุมชนด้วยการนำสินค้าจากชุมชนมาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com แบ่งหมวดสินค้าเป็น 8 กลุ่มหลัก ได้แก่ อร่อยทั่วไทย ของดีประจำจังหวัด สินค้าชุมชน สินค้าไปรษณีย์ สุขภาพและความงาม บ้านและสวน ยานยนต์ และสินค้าฮาลาล
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนร้านค้ากว่า 4,000 ราย และมีสินค้าซึ่งเป็นของดีของเด่นจากทั่วประเทศมากกว่า 17,000 รายการ ซึ่งความร่วมมือกับกระทรวงการคลังในครั้งนี้นับเป็นโอกาสดีในการเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าของวิสาหกิจชุมชน และเพิ่มสิทธิในการช้อปออนไลน์ของผู้ที่ลงทะเบียนในมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" ด้วย โดยจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชนได้มากถึงปีละกว่า 31 ล้านบาท
และเมื่อมีการเพิ่มช่องทางในการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทยในครั้งนี้ คาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยเพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" ทั้ง 3 เฟส ในการสั่งซื้อสินค้าของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ผ่านทางเว็บไซต์ thailandpostmart.com โดยชำระเงินด้วยแอพพลิเคชัน "เป๋าตัง" ผ่าน G-Wallet 2 นับเป็นการตอบโจทย์ผู้รับสิทธิที่ไม่มีเวลาเดินทาง โดยมีสินค้าหลากหลายให้เลือกจากทุกภูมิภาค และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระตุ้นการใช้จ่ายสู่เศรษฐกิจฐานราก ของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนในการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 เพิ่มมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นการสร้างประสบการณ์ให้ประชาชนในการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดตามนโยบาย Thailand 4.0