นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังการเปิดสัมมนา"การสื่อสารนโยบายพลังงานสู่การปฏิบัติ ปี 2563" ว่า การสัมมนามีขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อรับทราบทิศทางการขับเคลื่อนผ่านนโยบาย"Energy For All พลังงานเพื่อทุกคน"ซึ่งได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้วและจะเป็นนโยบายหลักที่จะผลักดันต่อไปในปี 63 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายไปสู่เศรษฐกิจระดับฐานราก
สำหรับการดำเนินการภายใต้นโยบายดังกล่าว ประกอบด้วย การช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนด้านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานทั้งน้ำมันและค่าไฟฟ้าให้เกิดความเป็นธรรม ,ทุกพื้นที่ของประเทศที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายที่ถูกต้องจะต้องมีไฟฟ้าใช้ โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณชายขอบ ชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายสายส่งที่เกิดไฟตกไฟดับ โดยกระทรวงอยู่ระหว่างเร่งจัดทำแผนงานสนับสนุนนงบประมาณผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ทุกพื้นที่ได้มีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึง
การเกิดโรงไฟฟ้าชุมชนกว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในกลางเดือนธ.ค.นี้ รวมถึงการส่งเสริมการใช้ชีวมวลช่วยลดการเผาในพื้นที่โล่ง และยังทำให้มีการปล่อย PM2.5 น้อยลงอีกด้วย
การเกิดสถานีพลังงานชุมชนในพื้นที่ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ โดยใช้โมเดลการพัฒนาชุมชนของจ.กาญจนบุรี เป็นแนวทางในการทำสถานีพลังงานชุมชนแบบครบวงจรที่สามารถนำพลังงานจากแสงอาทิตย์ ชีวมวล ขยะ และเชื้อเพลิงฟอสซิล มาบริหารจัดการในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อลดรายจ่ายด้านพลังงานและสร้างรายได้ต่ออาชีพของชุมชน โดยจะพิจารณานำเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาสนับสนุน
การใช้น้ำมัน B10 ทั่วประเทศเป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐาน และมี B20 ที่ใช้สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดน้ำมันปาล์มมีความสมดุลมากขึ้น สร้างเสถียรภาพราคาไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนจากราคาในตลาดโลก รวมทั้งในปี 63 ก็จะส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพในกลุ่มน้ำมันเบนซินต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้แก๊สโซฮอล์ E20 ในกลุ่มเบนซินมีมากขึ้น
การสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเป็นรูปธรรม โดยจะร่วมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมภาพรวมให้เกิดการใช้ EV
"หัวใจของนโยบาย Energy For All คือการนำพลังงานเข้าไปหมุนระบบเศรษฐกิจของประเทศจากฐานราก ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจฐานรากได้ถูกขับเคลื่อนแล้ว ก็จะเป็นการยกฐานของประเทศขึ้นไปทั้งระบบ จะช่วยหนุนให้ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเดินหน้าต่อไปได้ แม้ว่าจะมีปัจจัยจากภายนอกที่ผันผวนไม่แน่นอนมากระทบก็ตาม"นายสนธิรัตน์ กล่าว