นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบตามการรายงานของกระทรวงการคลัง ถึงสัดส่วนหนี้สาธารณะล่าสุด ในช่วงเดือนมี.ค.-ก.ย.62 โดยพบว่าทุกตัวยังอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะ เช่น สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี อยู่ที่ 41.24% ต่อจีดีพี ซึ่งยังไม่เกินระดับ 60%, สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปี อยู่ที่ 27.24% ซึ่งยังไม่เกินระดับ 35%, สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด อยู่ที่ 3.15% ซึ่งยังไม่เกินระดับ 10% และสัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ อยู่ที่ 0.15% ซึ่งยังไม่เกินระดับ 5%
ส่วนรายงานความเสี่ยงทางการคลัง เช่น หนี้ที่เป็นภาระต่องบประมาณโดยตรง อยู่ที่ 74.45% ของหนี้สาธารณะทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ส่วนที่เหลืออีก 25.55% เป็นหนี้ที่ไม่เป็นภาระต่องบประมาณโดยตรง ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้มาเพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
"ดังนั้น เมื่อวิเคราะห์ภาระหนี้ต่องบประมาณทั้งหมด ในภาพรวมจะพบว่าอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ และมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังเสนอว่าควรได้รับการจัดสรรงบในการชำระเงินต้นอย่างสม่ำเสมอ จะได้ไม่เกิดภาระดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคต ทางครม.ก็รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เสถียรภาพการคลังเราอยู่ในระดับสูง หลายหน่วยงานจากต่างประเทศก็ให้อันดับความน่าเชื่อถือในเรื่องของนโยบายการคลังที่เข้มแข็ง ถือเป็นเรื่องดี แต่ท่านนายกฯ และท่านรองนายกฯ สมคิด ให้พิจารณาคาดการณ์ไปข้างหน้าในอนาคตด้วยว่า ถ้าดำเนินการตามแผนนโยบายยุทธศาสตร์ ภาระหนี้จะเป็นเช่นไร จะได้วางแผนรองรับหนี้ในอนาคตได้" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ