นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยเบื้องต้นจะปรับลดราคาน้ำมันดีเซล B10 และแก๊สโซฮอล์ E20 ลงลิตรละ 1 บาท ระหว่างวันที่ 25 ธ.ค.62-10 ม.ค.63 ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมการใช้ให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมัน B10 ที่ภาครัฐประกาศให้เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานที่จะมีผลตั้งแต่ต้นปี 63 และเตรียมที่จะประกาศให้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานต่อไปในอนาคต โดยการให้ส่วนลดราคาน้ำมันทั้งสองประเภทดังกล่าวกระทรวงจะมีเครื่องมือกลไกในการขับเคลื่อน เพราะจะเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวที่มอบเป็นของขวัญปีใหม่เท่านั้น
ด้าน บมจ.ปตท.(PTT) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงานก็น่าจะมีการออกโปรโมชั่นเพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนในช่วงปีใหม่ด้วย ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะมอบความสุขเรื่องการให้ส่วนลดการเข้าพักในสถานบริการตามเขื่อนของ กฟผ. ตลอดจนการให้บริการดูแลระบบไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ สิ่งที่กระทรวงพลังงานได้ดำเนินอยู่แล้ว คือ การตรึงค่าไฟฟ้าเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนม.ค.-เม.ย.63 ด้วยการคงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าเอฟทีในช่วงดังกล่าวจำนวน -11.60 สตางค์/หน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.64 บาท/หน่วย
ขณะเดียวกัน กระทรวงยังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อให้มีความเป็นธรรมและเหมาะสม ซึ่งอาจจะยังไม่ทันภายในปีใหม่นี้ โดยในส่วนของราคาน้ำมันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างหารือกับทุกฝ่าย ขณะที่ราคา LPG รัฐบาลยังตรึงราคาและมีมาตรการให้ส่วนลดแก่ผู้มีรายได้น้อยอยู่
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า การสนับสนุนการใช้น้ำมันดีเซล B10 นั้น ทำให้ราคาผลปาล์มและน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบันมาอยู่ที่กว่า 5 บาท/กิโลกรัม (กก.) และราว 28 บาท/กิโลกรัม (กก.) ตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน โดยในกลางเดือนม.ค.63 กระทรวงเตรียมประกาศมาตรการป้องกันการลักลอบนำเข้า CPO ในส่วนที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการนำมาผลิตไบโอดีเซล (B100) ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ราคาผลปาล์มและ CPO มีเสถียรภาพและไม่แกว่งตัวแม้ในช่วงที่มีผลปาล์มออกมามากก็ตาม
กระทรวงทรวงพลังงานยังเดินหน้าเรื่องการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมาตรการส่วนหนึ่งจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ หลังจากนั้นจะมีการประกาศแผนส่งเสริมออกมา รวมถึงจะผลักดันให้มีคณะกรรมการระดับชาติ ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อขับเคลื่อนแผน EV ทั้งระบบต่อไป