นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สคค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินมาตรการ "ชิมช้อปใช้" เห็นผลสำเร็จในการใช้จ่ายของประชาชนที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยภาพรวมการใช้จ่ายของประชาชนตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน จนถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2562 มีผู้ใช้สิทธิรวม 3 เฟส จำนวน 11,794,825 ราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 24,788 ล้านบาท
โดยเป็นการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet ช่อง 1 ประมาณ 11,637 ล้านบาท และ g-Wallet ช่อง 2 ประมาณ 13,151 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet ช่อง 2 ที่เป็นการเติมเงินของประชาชนเองมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้มีมูลค่าสูงกว่ายอดใช้จ่ายผ่าน G-Wallet ช่อง 1 แล้ว สะท้อนความนิยมของประชาชนต่อมาตรการชิมช็อปใช้
สำหรับการจ่ายเงินคืน (cash back) จากการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet ช่อง 2 นั้น กระทรวงการคลัง ได้มีการจ่ายเงินคืนครั้งแรกแล้ว เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2562 จำนวน 153,579 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 384 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet ช่อง 2 ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน -30 พฤศจิกายน 2562
ทั้งนี้ มีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ได้รับเงินคืน เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องการใช้สิทธิตามมาตรการดังกล่าว จะได้รับแจ้งข้อความทาง SMS ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ จึงขอให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับเงินคืนติดต่อคณะทำงานด้านกฎหมาย ส่วนกลาง โทร. 0 2270 6400 กด 7 หรือสำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ ในวันและเวลาราชการ เพื่อตรวจสอบข้อมูล หากถูกต้องครบถ้วนจะได้รับเงินคืนทันที
โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำว่า สำหรับผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิจากการไม่เริ่มใช้สิทธิตามมาตรการฯ ภายใน 14 วัน ได้มีการคืนสิทธิการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet ช่อง 2 โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ซึ่งสามารถใช้สิทธิได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 สำหรับผู้ที่เคยผ่านการยืนยันตัวตนจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและถ่ายรูปเปรียบเทียบใบหน้าในแอพพลิเคชัน "เป๋าตัง" แล้ว สามารถใส่หมายเลข PIN เดิม เพื่อใช้งานแอพพลิเคชันและรับสิทธิได้ทันที ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้ายืนยันตัวตน ขอให้ดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนในแอพพลิเคชันเพื่อรับสิทธิดังกล่าว
นายลวรณ กล่าวว่า มาตรการ "ชิมช้อปใช้" ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet ช่อง 2 ซึ่งจากกระแสตอบรับดังกล่าว ธนาคารกรุงไทย (KTB) จึงได้จัดของสมนาคุณเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยผ่าน G-Wallet ช่อง 2 อย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนผู้ได้รับสิทธิทั้ง 3 เฟส สามารถใช้สิทธิภายใต้มาตรการได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563
"ขอเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายผ่าน G-Wallet ช่อง 2 ซึ่งนอกจากจะมีสิทธิได้รับเงินคืนสูงสุดถึง 20% แล้ว ยังมีสิทธิลุ้นรับของสมนาคุณต่าง ๆ มูลค่ารวม 12 ล้านบาท โดยประชาชนที่ใช้จ่ายผ่าน G-Wallet ช่อง 2 สำหรับยอดสะสมทุก ๆ 1,000 บาท จะได้รับ 1 สิทธิ์ ในการลุ้นรับของสมนาคุณกว่า 500 รายการ อีกทั้งสำหรับยอดสะสมผ่าน G-Wallet ช่อง 2 ตลอดมาตรการ จะมีสิทธิลุ้นรับของสมนาคุณชิ้นใหญ่เพิ่มเติม ได้แก่ รถยนต์ และรถกระบะ" โฆษกกระทรวงการคลังระบุ
นอกจากนี้ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการทุก ๆ 1 ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าการชำระเงิน 100 บาทขึ้นไป จะได้รับ 1 สิทธิ์ ในการลุ้นรับทองคำกว่า 100 รายการ โดยสามารถลุ้นรับของสมนาคุณรวม 6 ครั้ง ในวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562 วันศุกร์ที่ 3, 10, 17 และ 24 มกราคม 2563 และวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563
ทั้งนี้ ในการลุ้นรับของสมนาคุณครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562 นี้ ที่กระทรวงการคลัง ประกอบด้วย รถกระบะ Toyota Hilux Revo 1 คัน รถจักรยานยนต์ Honda New PCX150 4 คัน โทรทัศน์ดิจิทัล Samsung TV55 8 เครื่อง และทองคำ 156 แท่ง รวมของสมนาคุณทั้งสิ้น 169 รายการ