กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐปรับตัวลดลง 1.7% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2537 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเดือนธ.ค.2550 ที่ร่วงลง 1.3% และทรุดตัวลงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับลงเพียง 0.8%
ขณะเดียวกันยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนม.ค.ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาอาจปรับตัวลดลงจากระดับในปีก่อนหน้านี้ 3.3% อยู่ที่ระดับ 1.122 ล้านล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า บริษัทด้านการก่อสร้างภาคเอกชนได้ปรับลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยลง 3% ในเดือนม.ค.ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 แตะที่ระดับ 4.558 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ทั้งนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างภาคเอกชนสำหรับโครงการก่อสร้างเชิงพาณิชย์ รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและการสื่อสาร รวมถึงโรงแรมและที่พักปรับตัวลดลง 1.2% นับเป็นสถิติที่ทรุดตัวลงอย่างหนักตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2548 แตะที่ 3.716 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนม.ค
ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของภาครัฐในเดือนม.ค.ขยับลดลง 0.2% แตะระดับ 2.941 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเผชิญภาวะซบเซาหนักที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ขณะเดียวกันก็คาดว่า วิกฤตสินเชื่อที่มีต้นตอจากปัญหาในตลาดปล่อยกู้จำนองให้ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ(ซับไพรม์)ของสหรัฐนั้น จะยังคงขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--