น.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เผยภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปี 2562 ชะลอตัวลดลง เนื่องจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่สูง และปริมาณที่พักอาศัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้พัฒนาโครงการต่างชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่เนื่องจากความเชื่อมั่นในตลาดที่ลดลง นอกจากนี้ยอดขายลูกค้าต่างชาติก็ได้รับผลกระทบจากการที่เงินบาทแข็งค่าและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะยอดขายจากผู้ซื้อชาวจีน
แม้ว่าจะเริ่มต้นปีได้ดีแต่ตลาดก็ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2562 และในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ แผนกวิจัยซีบีอาร์อีพบว่ามีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ย่านใจกลางเมืองในระดับที่ต่ำที่สุดหากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา โดยในไตรมาส 3 ปีนี้มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่เพียง 1,268 ยูนิต ขณะที่ไตรมาส 3 ปีที่แล้วมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่จำนวน 7,147 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม ซีบีอาร์อีเชื่อว่าราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ จะไม่ลดลงเพราะต้นทุนที่ดินยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเพียง 0.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 279,740 บาทต่อตารางเมตร ณ ไตรมาส 3 ปี 2562 ด้านราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในย่านรอบนอกใจกลางเมืองหรือมิดทาวน์เพิ่มขึ้นเพียง 0.05% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 99,943 บาทต่อตารางเมตร ทำให้ความสามารถในการซื้อเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญสำหรับตลาดในปี 2563 เนื่องจากผู้คนมีอำนาจในการใช้จ่ายน้อยลงจากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ขณะที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรการต่างๆ ในปีนี้เพื่อกระตุ้นตลาดที่พักอาศัย มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือ LTV ที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งซีบีอาร์อีเชื่อว่ามีวัตถุประสงค์ที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดเต็มไปด้วยนักเก็งกำไรทำให้ความต้องการจากผู้ซื้อในประเทศลดลง เนื่องจากการขอสินเชื่อทำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมการจดจำนองได้ถูกปรับลดลงเหลือ 0.01% จาก 2% และ 1% ตามลำดับ สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท
ด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีการปรับลดสองครั้งในปีนี้จาก 1.75% เหลือ 1.25% เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย เป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตการเงินโลก แต่ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัวและอำนาจการใช้จ่ายมีจำกัด ซีบีอาร์อีเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์
ส่วนสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงต้นปีส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติที่ต้องการลงทุน โดย ณ ไตรมาส 3 ปี 2562 เงินบาทแข็งค่าขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับเงินหยวน และแข็งค่าขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐหากเทียบกับปีที่แล้ว
"ด้วยความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่พักอาศัย ผู้พัฒนาโครงการจำเป็นต้องลดและกระจายความเสี่ยงในการลงทุน รวมทั้งเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ที่หลากหลายมากขึ้น ผู้พัฒนาโครงการหลายรายเริ่มพิจารณาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำหรืออสังหาริมทรัพย์ประเภทมิกซ์ยูส โดยเฉพาะบนแปลงที่ดินขนาดใหญ่ เพื่อทำให้โครงการมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นจากการใช้ประโยชน์ที่มีความหลากหลายภายในพื้นที่โครงการเดียวกัน นอกจากนี้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น หัวหิน พัทยา ภูเก็ต และกระบี่ ได้กลายสร้างโอกาสให้กับนักพัฒนาเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของไทยกำลังขยายตัวอย่างมากและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงแข็งแกร่งอยู่" น.ส.อลิวัสสา กล่าว