"สมคิด" หารือภาครัฐ-เอกชน ตั้งคณะทำงานเตรียมแพ็คเกจช่วยเหลือ SME จากผลกระทบศก.โลก คาดเสนอครม.หลังปีใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 23, 2019 16:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้บริหารกระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ, ภาคเอกชน จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ มาหารือเพื่อหาแนวทางในการดูแลเศรษฐกิจปี 2563 ที่ยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยจะมีแนวทางให้ความช่วยเหลืออย่างรอบด้าน ซึ่งจะสรุปออกมาเป็นแพ็คเกจเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในช่วงหลังปีใหม่

"ตอนนี้ ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รัฐบาล กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และภาคเอกชน จำเป็นต้องมาร่วมหารือเพื่อถกให้ลงไปถึงรายละเอียด เพื่อให้เอสเอ็มอีได้ประโยชน์สูงสุดในยามเศรษฐกิจโลกไม่ดี ถ้าตกผลึกทัน จะให้เสนอมาตรการช่วยเหลือเหล่านี้เป็นแพ็คเกจให้ ครม.พิจารณาหลังปีใหม่" นายสมคิด กล่าว

สำหรับแนวทางเกี่ยวกับมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก คือผู้ประกอบการที่เจอปัญหา หรือได้รับผลกระทบรุนแรง ต้องมีมาตรการช่วยให้อยู่รอด และกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มที่ยังมีสถานะดี ยังดำเนินธุรกิจได้ แต่ก็ต้องมีมาตรการเข้าไปดูแลป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต

โดยเบื้องต้น ได้มอบหมายให้ทางสถาบันการเงินไปหารือถึงแนวทางการปล่อยสินเชื่อแบบผ่อนปรน การดึงเงินจากกองทุนเอสเอ็มอี วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทเพื่อมาช่วยเหลือ รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงให้ทางบรรษัทค้ำประกันสินเชื่อขนาดกลางและขนาดย่อม (บสย.) และเครดิตบูโรเข้ามาช่วยอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือถึงแนวทางในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตและเสียดอกเบี้ยในอัตราสูง ว่าจะผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยอย่างไรเพื่อบรรเทาภาระของประชาชนให้ลดลง ขณะที่มาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์นั้น ธปท. ยังไม่ได้พูดเรื่องการปลดล็อก แต่ได้ให้ไปดูว่าจะผ่อนปรนอย่างไร ไม่ใช่หลับหูหลับตาผ่อนปรน แต่ต้องดูให้พองาม ทุกอย่างถึงจะไปด้วยกันได้

ส่วนกรณีที่ ธปท.และภาคเอกชนประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะขยายตัวได้ไม่ถึง 3% นั้น นายสมคิด กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า เศรษฐกิจไทยต้องก้าวข้ามตัวเลขเปอร์เซ็นต์การเติบโตได้แล้ว ไม่จำเป็นว่าตัวเลขจะขยายตัวได้มากแล้วเศรษฐกิจไทยจะดีจริง ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยแข็งแรงพอสมควร แม้จะมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง แต่ก็ยังเป็นการชะลอที่เป็นบวกอยู่

"ถ้าจะให้ตัวเลข GDP ขยายตัวได้สูง ๆ วันนี้ต้องมาดูว่าทำได้ไหม และต้องทำอย่างไร เพื่อให้ในอนาคตข้างหน้าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3-4% และต้องเป็นการเติบโตที่ดีและยั่งยืน ประเทศไทยมีของดีอยู่ ก็อยากให้ทุกฝ่ายมองภาพต่าง ๆ ในแง่บวก ถ้ายังมองโลกในแง่ไม่ดี ก็จะมองเศรษฐกิจไทยไม่ดีไปด้วย ส่วนนักลงทุนจะเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยปีหน้าหรือไม่ หากตัวเลขเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ไม่ถึง 3% นั้น คงต้องไปถามหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล" นายสมคิด กล่าว

ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดูแลในส่วนนี้โดยเฉพาะ ซึ่งตนจะทำหน้าที่ดูแลเอง เพื่อหารือกับทุกภาคส่วนในการออกมาตรการ เพื่อเสนอให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบในต้นปีหน้า

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เมื่อภาครัฐมีนโยบายต่าง ๆ ออกมา ธนาคารพาณิชย์ซึ่งถือเป็นกลไกของระบบเศรษฐกิจของประเทศ ก็พร้อมจะช่วยกันแก้ปัญหา โดยจะมีการหารือในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดทิศทางการทำงานและมาตรการร่วมกันต่อไป

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเคยแย่กว่านี้ แต่ก็สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าถ้าภาครัฐลงมาช่วยเอกชนแบบนี้ มีการพูดคุยหารือกันเพื่อสร้างความเข้าใจ มีการช่วยเหลือกัน และหลายปัจจัยในปัจจุบันก็เริ่มฉายแววว่าจะเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งการปล่อยสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย การจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ซึ่งหากภาคเอสเอ็มอีได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกต้องก็จะเห็นภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ