กนอ.โชว์ผลงานปีงบ 62 ยอดขายที่ดิน EEC พุ่ง 98% รับอานิสงส์ลงทุนเมกะโปรเจ็คต์หนุนภาพรวมทั้งปี

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 25, 2019 14:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61 -ก.ย.62) ยอดขาย/เช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอยู่ที่ 2,183.6 ไร่ เพิ่มขึ้น 807 ไร่ จาก 1,376 ไร่ในปีงบประมาณ 2561 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 59% โดยในจำนวนดังกล่าว แบ่งเป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 1,964 ไร่ นอกพื้นที่ EEC จำนวน 219.85 ไร่ ซึ่งในพื้นที่ EEC มียอดขาย/เช่าที่ดินเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2561 ถึง 98%

ปัจจัยบวกมาจากการที่รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) และโครงการอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นความชัดเจนเป็นรูปธรรม รวมทั้งมาตรการต่างๆที่รัฐมุ่งส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง S-Curve และ New S-Curve ตลอดจนยังมีปัจจัยบวกจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่ทำให้ทุนจีนเคลื่อนย้ายเม็ดเงินมาลงทุนในไทยมากขึ้น

จากการเซ็นสัญญาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเมกะโปรเจ็คต์ ทั้งท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะ ที่ 3 (ช่วงที่ 1) และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นอย่างมาก ทำให้นักลงทุนตัดสินใจซื้อที่ดินในนิคมฯ เพื่อลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากผลประกอบการของ กนอ.ในปีงบประมาณ 2562 มีมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 30,527.54 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงาน 5,512 คน เพิ่มขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีการจ้างงาน 3,446 คน

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ที่ให้ความสนใจลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ 2.อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง 3.อุตสาหกรรมยาง พลาสติก และหนังเทียม 4.อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักร และอะไหล่ 5.อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์

ประเทศที่มาลงทุนในนิคมฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2563 นางสาวสมจิณณ์ กล่าวว่า ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี เพราะมีปัจจัยบวกที่ส่งเสริมการลงทุนมากขึ้น จากการที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนทั้งสิทธิประโยชนด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี และการเร่งขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC ที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งโครงการพัฒนาท่าเรือฯ มาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการท่าเรือฯ แหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาเมืองการบินและสนามบินอู่ตะเภา ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดการลงทุนให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนในปีงบประมาณ 2563 มีทิศทางการเติบโตได้อย่างแน่นอน แม้สภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว ค่าเงินบาทแข็งค่า สหรัฐฯ ระงับสิทธิ์ GSP ไทย รวมถึงสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีข้อยุติจะทำให้นักลงทุนพิจารณาย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนเพื่อขยายกิจการหรือตั้งโรงงานใหม่ของผู้ประกอบการรายเดิมด้วยเช่นกัน โดยในส่วนของ กนอ.ได้มีมาตรการที่รอบคอบ และรัดกุม ในการเฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นให้ทันท่วงที

อีกทั้ง ปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การกำกับของ กนอ.มีศักยภาพที่พร้อมรองรับการลงทุนอย่างเต็มที่ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ครบถ้วน ขณะเดียวกัน กนอ.ยังให้ความสำคัญในด้านการบริการนักลงทุนแบบครบวงจรเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการติดต่อกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการขอใบอนุมัติ และใบอนุญาต ผ่านศูนย์ให้บริการของ กนอ.Total Solution Center (TSC) โดยศูนย์บริการดังกล่าวจะให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างแข็งแกร่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ