นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคม 2562 นี้ จะครบรอบ 5 เดือน ที่เข้ารับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ดำเนินภารกิจสำคัญหลายเรื่อง เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานรากที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก เป็นภารกิจที่ตั้งใจจะทำให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่ง เนื่องจากเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลต่อความกินดี อยู่ดี และปากท้องของประชาชน ทำให้เศรษฐกิจเกิดความสมดุล
ขณะเดียวกัน ได้เร่งผลักดันผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชน เอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อย ให้มีความเข้มแข็ง ทั้งการพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และการพัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สนับสนุนให้ผู้ประกอบการเร่งขยายช่องทางการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ อี-คอมเมิร์ซ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
"ได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการสินค้าชุมชน นำสินค้าขึ้นขายบนแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียง เช่น Lazada, Shopee และ อี-มาร์เก็ตเพลสอื่น ๆ ทำให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งสร้างองค์ความรู้ที่สำคัญสำหรับการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แก่ผู้ประกอบการทุกระดับเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ และกระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้น" นายวีรศักดิ์ระบุ
ขณะเดียวกัน ยังคงให้ความสำคัญในการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของไทย โดยเฉพาะโชวห่วยให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน ให้ความรู้ ปรับภาพลักษณ์ร้านค้า จัดหาสินค้าราคาประหยัด เชื่อมโยงสินค้าชุมชนเพื่อสร้างความแตกต่าง สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการร้านค้า การให้สินเชื่อเพื่อการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจค้าส่งค้าปลีกเพื่อกระจายสินค้าระหว่างกัน จำนวนกว่า 6,000 ราย ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1,258 ล้านบาท โดยปี 2562 นี้ ได้ดำเนินการพัฒนาร้านโชวห่วยไปแล้วทั่วประเทศกว่า 10,000 ร้านค้า
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP Select โดยร่วมกับ บริษัท คิงส์พาวเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด คัดเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP Select ที่มีศักยภาพขึ้นจำหน่ายในร้านค้าบนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต มียอดจำหน่ายรวมกว่า 500 ล้านบาท มีการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด และพัฒนาผู้ประกอบการสู่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
ตลอดจนการเพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอีไทยด้วยหลักประกันทางธุรกิจ โดยการให้ความรู้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในการปลูกต้นไม้ เพื่อเป็นหลักประกันในการประเมินขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง
"ภารกิจดังกล่าว ต้องดำเนินงานควบคู่กันไป และให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ เนื่องจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้มีความมั่นคงในระยะยาว" รมช.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ในปี 2563 ที่กำลังจะถึงนี้ พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการทุกประเภทธุรกิจ เช่น ผู้ประกอบธุรกิจชุมชน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อยอื่น ๆ การขยายช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ในรูปแบบ Omni Channel มีการเชื่อมโยงการค้าขยายช่องทางการตลาดระดับภาคและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม การพัฒนาร้านค้าปลีกสู่การเป็น Smart โชวห่วย การผลักดันให้ผู้ประกอบการใช้ช่องทาง e-Commerce เพิ่มขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม อี-มาร์เก็ตเพลสที่มีศักยภาพและเป็นที่นิยม รวมถึง จะมีการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP Select ไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ และอู่ตะเภาเพิ่มเติมด้วย