กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.10-30.25 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.15 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทเข้าทดสอบระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 ปีอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยและพันธบัตรไทย 890 ล้านบาท และ 6.6 พันล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม บอนด์ยิลด์ช่วงอายุ 3 ปี และ 5 ปีแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้น ส่วนค่าเงินหยวนได้แรงหนุนหลังประธานาธิบดี ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐฯและจีนจะลงนามข้อตกลงการค้าเบื้องต้นในเร็วๆ นี้
"ตลาดการซื้อขายจะยังคงเป็นไปอย่างเงียบเหงาช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนปิดสถานะช่วงสิ้นปี อย่างไรก็ดี ตลาดจะจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นสำคัญ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่าผู้แทนจากทั้งสองประเทศจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่งในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม"
ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลภาวะเศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายน และอัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคม หลังตัวเลขการค้าเดือนพฤศจิกายนจากกระทรวงพาณิชย์บ่งชี้ว่าการส่งออกลดลง 7.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัว 13.78% ทำให้ไทยเกินดุลการค้า 0.55 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี มูลค่าส่งออกลดลง 2.77% ส่วนการนำเข้าหดตัว 5.22% และมียอดเกินดุลการค้า 9.0 พันล้านดอลลาร์
"ประเมินว่า ยอดเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดซึ่งอาจมีแนวโน้มลดลงบ้าง แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง จะสร้างแรงกดดันให้เงินบาทแข็งค่าต่อได้อีกระยะ อย่างไรก็ตาม การนำเข้าที่หดตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ และทิศทางการเติบโตที่ยังอยู่ในลักษณะประคองตัวในปี 63"
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ปี 63 ที่ 1-3% เทียบกับกรอบปัจจุบันที่ 1-4% โดยการปรับกรอบเป้าหมายครั้งนี้ ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดมากนัก เนื่องจากเป็นกรอบที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจรวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้าง ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าการปรับลดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน
ส่วนประเด็นค่าเงินบาท ธปท.ย้ำว่ายังแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐาน และพร้อมดำเนินนโยบายที่เหมาะสม ท่าทีเช่นนี้จะยังคงส่งผลให้ตลาดระมัดระวังต่อไป