หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กำลังทบทวนแผนการที่จะปรับลดกำลังการผลิต เนื่องจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจกดดันให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับราคาที่สูงอยู่แล้วในขณะนี้
โดยรายงานระบุว่า โอเปคมีแนวโน้มที่จะตรึงเพดานการผลิตไว้เท่าเดิมในที่ประชุมวันพุธนี้ หลังจากเมื่อเดือนที่ผ่านมาที่ประชุมเห็นพ้องว่าจะจำกัดปริมาณการผลิตเพื่อชดเชยกับอุปสงค์น้ำมันที่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้นทะลุเพดาน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดของโลก ซบเซาลงอย่างหนัก
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า โดยปกติแล้วราคาน้ำมันจะเริ่มปรับตัวลดลงหลังผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งโรงกลั่นหลายแห่งเตรียมที่จะปิดทำการเพื่อซ่อมบำรุงรายปี ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันก็ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า ปริมาณน้ำมันสำรองปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ชาวอเมริกันลดการใช้พลังงาน แต่ราคาน้ำมันกลับยังคงพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง
อดัม ซีมินสกี้ นักวิเคราะห์จากดอยช์ แบงค์กล่าวว่า "แม้โอเปคจะวิตกกังวลต่ออุปสงค์ที่ปรับตัวลดลง แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะถูกตำหนิว่าเป็นตัวการที่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย ดังนั้นโอเปคจึงน่าจะยังไม่ปรับเพิ่มหรือลดกำลังการผลิตน้ำมันในที่ประชุมครั้งนี้"
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่แทบจะเข้าสู่ภาวะชะงักงันซึ่งขยับขึ้นเพียง 0.6% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 เมื่อเทียบกับที่ขยายตัวขึ้น 4.9% ในไตรมาสก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ไม่ว่าที่ประชุมโอเปคจะมีข้อสรุปออกมาในทิศทางใด แต่ราคาน้ำมันจะยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อไปในปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--