น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา ดังนี้ 1. มาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า 0.16 ล้านตันแรก โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อปาล์มน้ำมันดิบเพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ครบตามเป้าหมายและนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงครบถ้วนแล้วเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562
2. โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี 2562-2563 โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่จ่ายแก่เกษตรกรครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ กิโลกรัมละ 4 บาท (คุณภาพน้ำมัน 18 เปอร์เซ็นต์) ผลการดำเนินการจ่ายเงินสำหรับงวดที่ 1-2 (1 ตุลาคม 2562 - 15 พฤศจิกายน 2562) มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 3.24 แสนครัวเรือน พื้นที่ 6.32 ล้านไร่ รวมวงเงินชดเชยที่จ่ายให้แก่เกษตรกร 2.267 พันล้านบาท สำหรับงวดที่ 3 (ธันวาคม 2562) ไม่มีการจ่ายเงินสำหรับประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน เนื่องจากราคาอ้างอิงที่กิโลกรัมละ 4.36 บาท สูงกว่าราคาประกัน
3. การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล โดยกระทรวงพลังงาน ปัจจุบันน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 มีสถานีบริการจำหน่ายรวม 2,819 แห่ง ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B10 มีสถานีบริการจำหน่ายรวม 521 แห่ง
4. เห็นชอบแก้ไขการขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มนอกโควตา องค์การการค้าโลก (WTO) จากเดิมกำหนดให้ขึ้นทะเบียนครั้งเดียวโดยไม่กำหนดวันหมดอายุ เป็นกำหนดให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้ากับกรมการค้าต่างประเทศเป็นรายปี เพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบสถานะปัจจุบันของผู้นำเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. กำหนดด่านนำเข้าและนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม เพื่อป้องกันการนำเข้าผิดกฎหมาย ดังนี้
- ด่านนำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม 3 ด่าน คือ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
- ด่านนำผ่านสินค้าฯ ด่านต้นทาง คือ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ด่านปลายทาง คือ 1) ด่านศุลกากรจันทบุรี เป็นด่านปลายทางไปยังกัมพูชา 2) ด่านศุลกากรหนองคาย เป็นด่านปลายทางไปยังลาว 3) ด่านศุลกากรแม่สอด เป็นด่านปลายทางไปยังเมียนมา กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังจะต้องออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป