นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บสย. พร้อมดำเนินการมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2563 มีมติเห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยให้ บสย. เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อให้มากขึ้น ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการ "ต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย" บสย.จะมุ่งเน้นการส่งเสริม สนับสนุน ปลดล็อก และเติมทุน เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ก้าวข้ามความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดย บสย.ได้ปรับเงื่อนไขการค้ำประกัน เพื่อให้สถาบันการเงินได้เร่งปล่อยสินเชื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ SMEs ได้คล่องตัวขึ้น ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. รวมถึงการขยายระยะเวลาการค้ำประกันสินเชื่อในโครงการเดิม (โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 5 - ระยะที่ 7) ออกไปอีก 5 ปี โดยได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs 2 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มผู้ประกอบการที่กำลังประสบปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อ ประกอบด้วย
- โครงการค้ำประกัน บสย. SMEs สร้างไทย วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 60,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ จำนวน 84,000 ราย ค้ำประกันสูงสุด 10 ปี โดยฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี
- ขยายระยะเวลาการค้ำประกัน โครงการ PGS ระยะที่ 5, ระยะที่ 6 และระยะที่ 7 ไปอีก 5 ปี ช่วยผู้ประกอบการ SMEs 28,000 ราย โดยยังได้รับวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน กว่า 70,000 ล้านบาท
2. กลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการเสริมสภาพคล่อง (ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS8) ประกอบด้วย
- โครงการค้ำประกันสินเชื่อ "บสย. D ยกกำลังสาม" (บสย. D3) จำนวน 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกันสูงสุด 10 ปี ช่วยผู้ประกอบการ SMEs กว่า 10,000 ราย
- โครงการค้ำประกันอื่น ๆ ภายใต้โครงการ PGS8 จำนวน 40,000 ล้านบาท ระยะเวลาสูงสุด 10 ปี ช่วยผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 20,000 ราย
"มาตรการเหล่านี้ เป็นมาตรการเร่งด่วนที่ บสย.ให้ความสำคัญ และพร้อมดำเนินการทันที ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยเสริมสภาพคล่องสู่ภาคธุรกิจ ปลดล็อคให้ผู้ประกอบการ SMEs โดยปรับเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นขึ้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และยังช่วยเหลือผู้ประกอบการไม่ให้ถูกฟ้องดำเนินคดีอีกด้วย" นายรักษ์ กล่าว