นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาราคาเศษกระดาษตกต่ำจากการนำเข้าว่า สาเหตุที่ราคากระดาษใช้แล้วในประเทศตกต่ำขณะนี้มาจากมีการนำเข้าจากต่างประเทศจำนวนมาก โดยปี 61 นำเข้าเพียง 1.4 ล้านตัน แต่ปี 62 เพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านตัน ประกอบกับราคาเศษกระดาษในตลาดโลกตกต่ำด้วย จึงฉุดให้ราคาในประเทศลดลงตาม โดยขณะนี้ซาเล้งขายได้เพียงกิโลกรัม (กก.) ละ 30-50 สตางค์ จากปี 61 ที่ กก.ละ 5-6 บาท ส่วนราคาที่ซาเล้งบอกว่าอยู่ได้อยู่ที่ กก.ละ 3 บาท
ในวันนี้ ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 ฝ่าย ได้แก่ รถซาเล้งรับซื้อของเก่า, ร้านรับซื้อของเก่า, ธุรกิจแปรรูปกระดาษก้อน, โรงงานผลิตกระดาษสำเร็จรูป และภาคราชการ ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมศุลกากร กระทรวงอุตสาหกรรม ฯลฯ มาหารือร่วมกันในการกำหนดราคากระดาษที่ผู้ค้าในแต่ละช่วงจะรับซื้อให้มีความเหมาะสม และให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ไม่ขาดทุน โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นให้นำมาเสนอในที่ประชุม 5 ฝ่ายอีกครั้ง
"เมื่อแต่ละฝ่ายกำหนดราคารับซื้อกระดาษในแต่ละช่วงที่เหมาะสมได้แล้ว ก็ให้ทุกฝ่ายซื้อขายกันตามราคาที่ตกลงไว้ รวมถึงให้คุยกันด้วยว่า ถ้าไม่ซื้อตามราคาที่ตกลงกัน จะมีมาตรการจัดการกันเองอย่างไร" นายจุรินทร์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในกำหนดมาตรการให้ผู้ค้าในแต่ละช่วงปิดป้ายแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจน รวมถึงหามาตรการดำเนินการ หากผู้ค้าแต่ละช่วงไม่รับซื้อตามราคาที่ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศศึกษาถึงการใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) หากยังมีการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากจนทำให้ผู้ประกอบการในประเทศเสียหาย รวมถึงให้กรมศุลกากรเข้มงวดกับการนำเข้าขยะที่ยังอนุญาตให้นำเข้าได้ เพื่อป้องกันการสำแดงเท็จ หรือป้องกันปัญหาสิ่งที่ปนเปื้อนมากับเศษกระดาษที่มีลักษณะที่ผิดกฎหมาย