ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า กทท.รายงานให้คณะกรรมการคัดเลือกโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ส่วนท่าเรือ F รับทราบคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดเมื่อ 23 ธ.ค.62 ที่ยกคำสั่งทุเลาของศาลปกครองกลางตามคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ ที่พิจารณาให้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพีเป็นผู้ไม่ผ่านการพิจารณาด้านคุณสมบัติ
หลังจากนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ จะเชิญกิจการร่วมค้าจีพีซี ซึ่งเป็นเอกชนรายเดียวที่ผ่านคุณสมบัติ เข้ามาเจรจาต่อรองราคา แต่จะเรียกมาชี้แจงเรื่องการจัดหาเครื่องมือในการดำเนินการก่อน เนื่องจากคณะกรรมการคัดเลือกฯ ยังข้อสงสัยบางประการ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูง
ขณะเดียวกัน กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพีได้ยื่นคำร้องแก้อุทธรณ์ต่อประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอให้มีการพิจารณาคดีท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 โดยผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯ ก็จะเดินหน้าขั้นตอนต่าง ๆ ระหว่างรอผลการตัดสินของศาลปกครองสูงสุด จึงยังไม่แน่ใจโครงการจะได้ข้อสรุปและลงนามสัญญากับเอกชนได้เมื่อใด แต่ก็จะพยายามเร่งรัดการดำเนินงาน เพราะการก่อสร้างใช้เวลาถึง 6 ปีและมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 67
"เรามีหน้าที่เดินหน้าดำเนินการต่อ โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ ล่าช้าไปกระทบต่อเศรษฐกิจเยอะมาก ตอนนี้ล่าช้าไป 4 เดือนแล้ว" ร.ท.กมลศักดิ์ กล่าว
อนึ่ง โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 มุลค่ารวมลงทุน 8.4 หมื่นล้านบาท มีผู้ยื่นประมูลได้แก่ กิจการร่วมค้าจีพีซี ประกอบด้วย บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (บริษัทในกลุ่ม ปตท.) บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ (GULF) และ China Harbour Enginerring Company Limited
กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ประกอบด้วย บริษัท นทลิน จำกัด, บมจ.พริมา มารีน (PRM), บริษัท แอสโซซิเอท อินฟินิตี้ จำกัด, บริษัท PHS Organic farming จำกัด และ บริษัท China Railway construction Corporation จำกัด