นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กับกรมทางหลวง (ทล.) โดยให้เร่งรัดการแปรงบประมาณปี 63 จำนวน 115,888 ล้านบาทไปสู่ภาคปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความสำเร็จ ให้เกิดการเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามแผนหรือเร็วกว่าแผน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าเหมือนในปีงบประมาณ 62 ที่ติดปัญหาจ่ายค่าเวนคืน มอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ศึกษาเพื่อเพิ่มจุดจอดพักรถบรรทุก (Truck Rest Area) ตามแนวถนนกาญจนาภิเษก หรือ ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ) ทั้ง 4 ทิศ คือด้านเหนือ ,ใต้ ,ตะวันออก และตะวันตก ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายที่จะมีการจำกัดเวลารถบรรทุก เข้าพื้นที่กรุงเทพฯอีกด้วย โดยคาดว่าจะมีปริมาณรถบรรทุกที่เข้ามาใช้ จุดพักรถบรรทุก ราว 5 หมื่นคัน/วัน โดยการลงทุนนั้น อาจให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนเพื่อเป็นการลดภาระภาครัฐ แต่ต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง
ทั้งนี้ ให้กรมทางหลวงพิจารณาการตั้งจุดพักรถบรรทุกให้อยู่ห่างจากถนนไม่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร (กม.) เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจรบนถนน เนื่องจากปัจจุบันพบว่าสถานีบริการน้ำมันมักจะตั้งอยู่ริมถนน เมื่อมีปริมาณรถใช้บริการมากจะเกิดปัญหาติดขัดเข้ามาบนถนน ดังนั้น ก่อนที่กรมทางหลวงจะอนุญาตให้มีการเชื่อมทางจะต้องพิจารณาระยะห่างจากถนนไม่ต่ำกว่า 1 กม.
รมว.คมนาคม กล่าวอีกว่า ยังได้ติดตามความก้าวหน้านโยบายกำหนดความเร็วการจราจรบนถนน 4 ช่องจราจรขึ้นไปไม่เกิน 120 กม./ชม. โดยอยู่ระหว่างสำรวจเส้นทางที่เหมาะสม ซึ่งภายในเดือน ม.ค.นี้ จะการประชุมเพื่อติดตาม โดยจะเริ่มดำเนินการกับรถขับช้าในช่องทางขวาสุดก่อน ซึ่งได้กำชับให้เน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก และจะต้องสอดรับกับนโยบายการนำยางพาราหุ้มแบริเออร์ เพื่อทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
สำหรับนโยบายการนำยางพารามาใช้ในงานทางและอุปกรณ์ทางนั้น ในปี 63 ถนนที่ก่อสร้างใหม่นอกเมืองจะต้องใช้แบริเออร์ ยางพาราแทนการใช้เกาะกลาง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มการใช้ยางพาราแล้ว จะทำให้ประหยัดงบก่อสร้าง งบซ่อมบำรุง และมีความปลอดภัย ยกเว้นถนนในเขตเมือง หรือชุมชน ที่มีความจำเป็นต้องใช้เกาะกลาง เพื่อทัศนียภาพที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการรื้อถนนเดิมที่มีเกาะกลาง มาเปลี่ยนเป็นแบริเออร์ แต่หากจุดใดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยจะมีการปรับปรุงให้มีความปลอดภัยภัยมากขึ้น