นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มสมาพันธ์ปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทยและสมาคมปาล์มน้ำมันจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สระบุรี สกลนคร ปทุมธานี ตรัง กระบี่ กว่า 20 คน ได้เดินทางเข้าพบเพื่อขอบคุณกระทรวงพลังงานที่ได้ผลักดันโยบายการบังคับใช้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศ ซึ่งช่วยยกระดับราคาปาล์มน้ำมันดิบ (CPO) กระเตื้องขึ้น สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มทั่วประเทศ
ขณะที่ในอนาคตตมีความเป็นไปได้ในเรื่องของตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยอาจจะนำสต็อกน้ำมันไบโอดีเซล (B100) มาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อช่วยลดผลกระทบเรื่องฤดูกาล และช่วยบริหารสต็อก ช่วยรักษาเสถียรภาพราคาได้ระดับหนึ่ง ขณะที่ปัจจุบันความต้องการใช้ CPO เพื่อผลิต B100 คิดเป็นปริมาณ 2 ใน 3 ของการผลิต CPO ส่วนที่เหลือเป็นการใช้ CPO เพื่อการบริโภค
"ต้องถือว่านโยบาย B10 เป็นกลไกสำคัญ มีส่วนแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันได้เหมือนดังที่พี่น้องเกษตรกรมาแลกเปลี่ยนในวันนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องเดินหน้าต่อจากนี้ไปคือ การบริหารกลไกตลาด ซึ่งสำหรับกลไกที่มีอยู่ของทางกระทรวงพลังงานเชื่อมั่นว่า จะรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่คงต้องทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำงานร่วมกับพี่น้องเกษตรกร รวมทั้งกลไกด้านผู้ค้าด้วย ซึ่งในส่วนของ B100 ได้เตรียมการรองรับไว้ระดับหนึ่งแล้ว เร็ว ๆ นี้จะเตรียมติดตั้งมิเตอร์ในถัง B100 เพื่อติดตามตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ และสามารถบูรณาการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ที่เตรียมติดมิเตอร์ในส่วนของ CPO อีกด้วย"นายสนธิรัตน์ กล่าว
รมว.พลังงาน กล่าวว่า สำหรับการผลักดันนโยบายน้ำมัน B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศที่เริ่มตั้งแต่ในปีนี้นั้น คาดว่าทุกสถานีบริการน้ำมันจะสามารถจำหน่าย B10 ได้ทุกแห่งในเดือนมีนาคม 2563 นี้ โดยปัจจุบันยอดการใช้ B10 ถือว่าเติบโตเร็วมาก ซึ่งเป็นเพราะความเชื่อมั่นจากนโยบายที่กำหนดไว้จะไม่เปลี่ยนสัดส่วนของ B10 ไม่ว่าสต็อกของปาล์มจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทำให้ตลาดเกิดความเชื่อมั่นทั้งค่ายรถยนต์ ทั้งผู้ประกอบการโรงกลั่น
อย่างไรก็ตาม ในการพบปะหารือวันนี้ ทางตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์มฯ มีข้อห่วงกังวลเรื่องต่าง ๆ อาทิ เรื่องการนำเข้า CPO เรื่องฤดูกาลช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันจะออกสู่ตลาดมาก เรื่องกลไกตลาดที่มีผลกระทบต่อราคา เป็นต้น
นายชโยดม สุวรรณรัตนะ ประธานกลุ่มคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย ตัวแทนสมาพันธ์สวนปาล์มภาคใต้ กล่าวว่า นอกจากมาขอบคุณรัฐมนตรีสนธิรัตน์เรื่องนโยบาย B10 แล้ว ยังมาส่งสัญญาณให้ทราบว่า ขณะนี้จะเริ่มใกล้สู่ฤดูกาลที่ปาล์มจะล้นตลาดแล้วคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน และยังกังวลเรื่องการปั่นราคาปาล์มสูงเกินจริงเพื่อให้เกิดการนำเข้า จึงอยากให้ทางการเตรียมมาตรการรองรับด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสต็อก CPO อยู่ที่ประมาณ 3.1 แสนตัน และผลปาล์มดิบฤดูกาลใหม่ จะทยอยออกมามาก ในเดือนกุมภาพันธ์-เดือนเมษายน โดยเฉพาะเดือนมีนาคม คาดว่าจะมีผลปาล์มดิบออกมาถึง 1.2 ล้านกิโลกรัม ซึ่งจะทำให้ปาล์มไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้เกษตรกรยังเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการดูแลปาล์มเป็นระบบเช่นเดียวกับมาเลเซีย เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง