นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 30.25/29 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาด เย็นวานนี้ที่ระดับ 30.23 บาท เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าหลังได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนคลี่ คลาย โดยสหรัฐฯจะถอดจีนออกจากรายชื่ออประเทศบิดเบือนค่าเงินเพื่อตอบแทนการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก
"บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าหลังปัญหา Trade War คลี่คลาย แต่ยังเคลื่อนไหวในกรอบเนื่อง จากก่อนหน้านี้เงินบาทแข็งค่าไปมาก" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.20 - 30.35 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (13 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.08485% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.10765%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 109.80/110.25 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 109.85 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.1115/1160 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1114 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.1860 บาท/
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้กระทรวงการคลังจะร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกชุดมาตรการเพื่อ
- รมว.คลัง เปิดเผยระหว่างไปร่วมประชุม Asian Financial Forum ครั้งที่ 13 ที่ฮ่องกง ว่าประเทศไทยจะเร่งเดิน
- ธ.กรุงเทพคาดแนวโน้มการขยายตัวสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ปีนี้ยังเติบโต เกาะติดงบประมาณ 2563 หวังบังคับใช้ ดันหลาย
- ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค.นี้ หัวหน้าหน่วยงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียม
- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ว่า การค้าต่างประเทศของจีนในปี 2562 ปรับตัวขึ้น 3.4% แตะที่ระดับ
- กระทรวงการคลังสหรัฐออกแถลงการณ์ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐได้ถอดจีนออกจากรายชื่อประเทศที่บิดเบือนค่าเงินแล้ว โดย
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมจัดพิธีลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนที่ทำเนียบขาวในวันพุธนี้
- เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) หลัง
- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษปรับตัวขึ้น 0.6%
- สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่า เขาจะลงมติสนับสนุนการ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย หลัง
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค., ดัชนี
ราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนม.ค.จากเฟดนิวยอร์ก,
รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้า
ปลีกเดือนธ.ค., ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จาก
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.
และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน