รายงานข่าวจากกรมสรรพากร ระบุว่า กรมฯ เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ร่าง พ.ร.บ.การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน)
หลังจากกระทรวงการคลัง ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ร่าง พ.ร.บ.การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน) โดยได้เปิดรับฟังความเห็นของประชาชนระหว่างวันที่ 17 ม.ค.61 ถึงวันที่ 9 ก.พ.61 และได้นำเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว
บัดนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 12) ได้ตรวจพิจารณาและทำการปรับปรุง ร่างกฎหมายร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) เสร็จแล้ว มีการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะถ้อยคำตามแบบการร่างกฎหมาย โดยยังคงหลักการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบ แต่เนื่องจากการแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำดังกล่าว มีข้อความอันเป็นสาระสำคัญบางประการเปลี่ยนแปลงไปจากการรับฟังความคิดเห็นเมื่อครั้งก่อน ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน
กรมสรรพากร จึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างกฎหมายดังกล่าวตามแบบฟอร์มการให้ความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนระหว่าง วันที่ 14 ม.ค.63 ถึงวันที่ 29 ม.ค.63
ทั้งนี้ สำหรับความจำเป็นที่ต้องตรากฎหมายดังกล่าวขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมากขึ้น สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้มีความเหมาะสมกับรูปแบบการประกอบธุรกิจและการใช้บริการดังกล่าว
นอกจากนี้ สมควรปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการมี การใช้ หรือการจัดทำเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใดตามประมวลรัษฎากร ให้สามารถดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
หลักการที่เป็นสาระสำคัญของกฎหมายที่จะตราขึ้น จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมให้การดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใดตามประมวลรัษฎากร สามารถดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์
2. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า "สินค้า" และเพิ่มบทนิยามคำว่า "บริการทางอิเล็กทรอนิกส์" และคำว่า "อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม"
3. แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศแก่ผู้ใช้ ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน เสียภาษีจากยอดขายโดยไม่ให้หักภาษีซื้อ และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์
4. แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่ของผู้จ่ายเงินในการนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม และหน้าที่ของผู้ประกอบการในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศแก่ผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
5. กำหนดให้การดำเนินการทางทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำโดยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
6. กำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศออกใบกำกับภาษี