ทาเคฮิโระ ซาโตะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่าตัวเลขการลงทุนและผลกำไรไตรมาส 4 ของบริษัทนอกภาคการเงินในญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่า การทำธุรกิจภาคองค์กรมีการชะลอตัวลง และอาจส่งผลให้ต้องมีการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4
รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขการลงทุนของบริษัทนอกภาคการเงิน ร่วงลงกว่า 7.7% ในไตรมาส 4 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งนับเป็นการหดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน อันเป็นผลมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
ด้านผลสำรวจของกระทรวงการคลังก็เปิดเผยว่า ผลกำไรก่อนหักภาษีรายการพิเศษของบริษัทนอกภาคการเงิน ร่วงลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ที่ 4.5%
ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลชุดสุดท้ายซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการคำนวณการขยายตัวของจีดีพี โดยรัฐบาลจะเปิดเผยคาดการณ์จีดีพีสำหรับไตรมาส 4 ในวันที่ 12 มี.ค.นี้
นอกจากนั้นเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี เมื่อเทียบเงินเยน รวมถึงเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังอาจกระทบต่อผลกำไรของผู้ส่งออกในญี่ปุ่นด้วย
"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังอยู่ในภาวะหยุดนิ่งชั่วคราว ดังนั้นบริษัทต่างๆต้องระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น" นายซาโตะกล่าว
ตลาดการเงินที่ขาดเสถียรภาพ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลก ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นประสบความยากลำบากที่จะขึ้นดอกเบี้ย โดยมีความเป็นไปได้ว่า ธนาคารกลางจะลดดอกเบี้ยลงเหลือ 0.25% จากเดิมที่ 0.5% ในไตรมาส 2 ของปีนี้
ส่วนในการประชุมนโยบายวันพฤหัสบดีนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--