น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวในงานเสวนา 2563 ปีแห่งการลงทุน : ทางออกประเทศไทย ในหัวข้อสู่บริบทใหม่การลงทุนไทย ว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้สั่งการให้บีโอไอหารือร่วมกับกระทรวงการคลังเร่งออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งมาตรการที่ออกมาต้องคลอบคลุมทั้งผู้ที่ได้สิทธิ์และไม่ได้สิทธิบีโอไอ
"ตัวเลขคำขอส่งเสริมการลงทุนเป็นตัวสะท้อนการลงทุนภาวะอุตสาหกรรมและการบริการว่าจะมีทิศทางไปทางใด ซึ่งช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันในการออกมาตรการเพื่อชักจูงให้เข้ามาลงทุนในประเทศถือว่า รุนแรงมาก แต่ไทยยังคงมีคำขอส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และสามารถทำได้ตามเป้าที่ 7.56 แสนล้านบาท แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ทำอย่างไรให้เกิดการลงทุนจริง ซึ่งต้องหามาตรการเร่งให้เกิดการลงทุน"เลขาฯ บีโอไอ กล่าว
น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ยังเป็นเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมการลงทุน และได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับภาคเอกชนที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร หรือฝึกทักษะให้กับนักศึกษาฝึกงาน รวมถึงทางบีโอไอก็ได้ออกมาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือชุมชนมากขึ้น ซึ่งจะมีการหารือกับทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อออกมาตรการส่งเสริมให้ปรับเปลี่ยนไปสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์มากขึ้น และโจทย์สำคัญ คือ ต้องมีการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางให้ปรับตัวไปสู่การแข่งขันในอนาคตมากขึ้น
ทั้งนี้ น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า สำหรับมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งปีที่ผ่านมา จากการยื่นคำขอส่งเสริมการลงทุน170 โครงการ มีคำขอที่เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพียง 20% ที่เหลืออีก 80% เป็นคำขอเพื่อติดตั้งแผงโซล่าร์บนหลังคา เพื่อใช้พลังงานทดแทน ซึ่งอาจยังไม่สะท้อนในการช่วยทำให้เกิดการแข่งขันในระยะยาวได้