พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้ากระทรวงพลังงานเตรียมเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) พิจารณามาตรการระยะสั้น 3 แนวทางเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วยการลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศ
แนวทางเลือกดังกล่าว ได้แก่ แนวทางแรกงดจัดเก็บเงินกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่จะนำไปใช้สร้างรถไฟฟ้าจำนวนลิตรละ 50 สตางค์ เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะตัดสินใจใช้เงินทุนรูปแบบใดในการก่อสร้าง
ส่วนแนวทางที่ 2 งดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนลิตรละ 10 สตางค์ซึ่งเป็นอัตราที่เรียกเก็บในปัจจุบัน และแนวทางที่ 3 นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ปัจจุบันไปชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอย่างน้อยลิตรละ 30 สตางค์
รมว.พลังงาน กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้เกิดภาวะวิกฤติราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่แตะถึงระดับ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งกระทรวงพลังงานเห็นว่าราคาน้ำมันดีเซลส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ เนื่องจากนำไปใช้ในภาคการขนส่งและการผลิต
ส่วนมาตรการระยะยาวนั้น กระทรวงพลังงานจะส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ(NGV) เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ โดยตั้งเป้าภายในปี 54 ให้มีการใช้ NGV ทดแทนน้ำมันให้ได้ 20% หรือมีรถยนต์ที่ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงจำนวน 2.35 แสนคัน และรถบรรทุก 8.8 หมื่นคัน สถานีบริการเพิ่มเป็น 725 แห่งทั่วประเทศ
ขยายวงเงินของกองทุนอนุรักษ์พลังงานเพื่อนำไปปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้สามารถใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงจาก 2 พันล้านบาท เป็น 4 พันล้านบาท นอกเหนือจากวงเงินของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) 2 พันล้านบาท และ บมจ.ปตท.(PTT) อีก 5 พันล้านบาท และขอความร่วมมือจากกระทรวงการคลังให้ขยายเวลาระยะเวลาลดภาษีนำเข้าถังบรรจุ NGV และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องออกไปอีก 3 ปี จากเดิมที่จะครบกำหนดภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ จะจัดทำโครงการน้ำมันม่วงเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการประมงชายฝั่งในราคาถูกกว่าท้องตลาดลิตรละ 2 บาท โครงการน้ำมันเขียวเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการประมงกลางทะเลลึกในราคาถูกกว่าท้องตลาดลิตรละ 5 บาท และสนับสนุนให้เรือประมงหันมาใช้ NGV รวมทั้งเพิ่มส่วนต่างระหว่างน้ำมันไบโอดีเซล B2 กับ B5 จากลิตรละ 50 สตางค์เป็น 70 สตางค์
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--