นายออสติน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริการ บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า การจัดตั้งบริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด เป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัท ABN ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ และกลุ่มนักลงทุนชาวไทย ในสัดส่วน 49:51 ทุนจดทะเบียน 6.5 ล้านบาท โดยบริษัทร่วมทุนจะลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย เน้นทำเลภาคตะวันออกของไทย ที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะกระตุ้นให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไนพื้นที่ EEC มีการขยายตัวขึ้น
ล่าสุด เปิดโครงการคอนโดมิเนียม Low rise ภายใต้ชื่อ The Centro Condo บางแสน มูลค่า 550 ล้านบาท จำนวน 304 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยราว 50,000 บาทต่อตารางเมตร โดยจะออกบูธ เปิดจองรอบ VIP ระหว่างวันที่ 23-29 ม.ค.นี้ ที่เซ็นทรัล ชลบุรี หลังจากนั้นจะเริ่มเปิดขายอย่างเป็นทางการที่สำนักขายของโครงการในช่วงเดือนมี.ค. 63 และในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 63 จะนำโครงการไปโรดโชว์ที่สิงคโปร์ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อโครงการดังกล่าวจะเป็นกลุ่มลูกค้าชาวไทยเป็นหลัก และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายใน 6-12 เดือน
สำหรับจุดเด่นของโครงการ The Centro Condo บางแสน จะอยู่ที่ทำเลที่ตั้งใจกลางเมืองบางแสน ติดตลาดปาร์คอิน หลังห้างแหลมทองเพียง 200 เมตร หน้ามหาลัยบูรพา เพียง 400 เมตร ห่างทำเลบางแสนเพียง 1.5 กิโลเมตร และโครงการมีพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มากกว่า ด้วยสระว่ายน้ำระบบน้ำล้นที่สามารถชมวิวสวนส่วนกลางได้ ฟิตเนส ที่ให้มุมมองสวนและสระว่ายน้ำ ลานสวนส่วนกลางจัดพื้นที่ภายนอกให้สามารถนั่งเล่นทำกิจกรรมภายนอกอาคารได้ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางในลักษณะ Co-Working Space ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้าน
ทั้งนี้ มองว่าบางแสนไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวอย่างที่ผ่านมา แต่เป็นเมืองศักยภาพในทุก ๆ ด้าน ทั้งในด้านของการศึกษาและการทำงาน โดยเฉพาะด้านการขนส่ง คมนาคม ภายในปี 66-67 รถไฟความเร็วสูงที่เชื่อม 3 สนามบิน จะเปิดให้บริการ ยิ่งจะทำให้การท่องเที่ยวการลงทุนคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษา ก็มีมหาวิทยาลัยบูรพา เป็นอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยในภาคตะวันออก นักศึกษาจากต่างประเทศ เช่น ประเทศจีนเข้ามาศึกษามากขึ้นในทุก ๆ ปี
นอกจากนี้จากการสำรวจศักยภาพของทำเล พบว่าราคาที่ดินบางแสนปรับตัวสูงขึ้นมาตลอด 3-5 ปีที่ผ่านมา โดยราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้น 30-50% ในส่วนความต้องการของผู้บริโภคยังคงต้องการที่อยู่อาศัยดี ๆ และจากการที่มีคนเข้ามาอยู่อาศัยในบางแสนมากขึ้น ระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีอุปทานใหม่เกิดขึ้นเลย บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมที่มีแนวคิดการออกแบบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในพื้นที่ โดยเฉพาะทำเลใจกลางเมือง ใกล้สถานศึกษา ก็เหมาะที่จะซื้อลงทุนเพื่อปล่อยเช่าได้ โดยอัตราผลตอบแทนการลงทุนอยู่ที่ 5-8%
ขณะที่การเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของ ABN เพราะมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเข้ามาลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้ เนื่องจากประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และทางภาครัฐมีทิศทางที่ชัดเจนในการเดินหน้าโครงการลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่จะช่วยขับเคลื่อนการลงทุนของภาคธุรกิจต่าง ๆ มีการจัดตั้งโรงงานใหม่ ๆ เกิดการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่เพิ่มตามการขยายโรงงานส่งผลบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการขยายการลงทุนตาม ประกอบกับราคาที่ดินในประเทศไทยยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์ ทำให้การลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดี และสามารถทำราคาขายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้าง แม้ว่าปัจจุบันค่าเงินบาทจะแข็งค่ามาก แต่ยังมองว่าการลงทุนในประเทศไทยยังมีความน่าสนใจ
ABN เป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์มาเป็นระยะเวลา 3 ปี มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยแล้วจำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 11.8 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งพัฒนาและส่งมอบให้ลูกค้าแล้วเป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ส่วนอีก 2 โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นโครงการบ้านพักตากอากาศ 1 โครงการ และโครงการบ้านแฝด 1 โครงการ และปัจจุบันบริษัทมองว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมที่จะเริ่มมองหาการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ทำให้เลือกการลงทุนในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในพื้นที่ภาคตะวันออก และมองไปถึงในช่วง 2-4 ปีข้างหน้า จะขยายการลงทุนเข้ามาในกรุงเทพฯ
ด้านนายพีระพล รังสิมานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 600 ล้านบาท และวางแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในระยองเพิ่มอีก 1 โครงการในปีนี้ พร้อมตั้งเป้าหมายระยะยาวใน 5 ปี (ปี 63-67) จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในไทยจำนวน 8 โครงการ และตั้งเป้ารายได้แตะ 1 พันล้านบาท ภายใน 2-4 ปี รวมไปถึอการพิจารณานำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคตเมื่อมีรายได้แตะ 1 พันล้านบาทตามเป้าแล้ว เพื่อระดมทุนนำเงินมาขยายการลงทุน