นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มอบนโยบายแก่กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เน้นย้ำเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ เพื่อรองรับ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยให้วางแผนการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีงบประมาณ และกำชับให้มีการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 31 ส.ค.นี้ หรือเผื่อเวลาสำหรับกรณีมีเหตุจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขอีก 1 เดือน ก่อนสิ้นปีงบประมาณ 63
ขณะที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ได้กำชับให้ดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยต้องตรวจสอบรายละเอียด ความพร้อมของโครงการให้รอบคอบ เกิดประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนเสนอของบประมาณ พร้อมต้องประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ด้วย
รมว.คมนาคม ยังกล่าวถึงนโยบายการนำยางพาราไปใช้ในงานก่อสร้าง และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยว่า ได้เร่งรัดให้นำยางพารามาเป็นส่วนผสมในอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เช่น การนำ Rubber fender barrier มาใช้เพื่อลดโอกาสการชนกันของรถยนต์ และให้พิจารณางดการสร้างเกาะกลางแบบเกาะหญ้าสำหรับโครงการก่อสร้างถนนในอนาคต ยกเว้นในพื้นที่ชุมชนหรือพื้นที่ที่ต้องการความสวยงาม ทั้งนี้เพื่อช่วยลดงบประมาณด้านการบำรุงรักษา
อย่างไรก็ดี ทช.ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เพื่อทำการทดสอบ rubber fender barriers ทั้งตัวแผ่นยางที่หุ้มแบริเออร์ ตัวคอนกรีตแบริเออร์ และได้ผ่านการทดสอบในการรับน้ำหนัก การคงทนสภาพ ในห้องปฏิบัติการ (lab) แล้ว อยู่ระหว่างส่งไปทดสอบต่อที่ประเทศเกาหลีในวันที่ 26 -29 ก.พ.นี้ โดยคาดว่าจะสรุปผลทั้งหมดในวันที่ 6 มี.ค.63 จากนั้น จะไปดูการทดสอบที่เกาหลีเพื่อความมั่นใจว่ามีมาตรฐานปลอดภัยจริง ซึ่งหากได้ผลตามมาตรฐานจะนำมาใช้ในปีนี้
นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า ได้ให้นโยบายกับ ทช.ว่าต้องเพิ่มความเข้มงวด การกำกับดูแลงานซ่อมบำรุงของผู้รับเหมาที่อยู่ในระยะค้ำประกันตามสัญญาให้มากขึ้น เนื่องจากพบว่าผู้รับเหมามีการซ่อมบำรุงล่าช้ากว่าที่กำหนด 30 วัน ซึ่งถนนที่ชำรุดจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากผู้รับเหมาไม่ปฏิบัติ ก็ขอให้ ทช.ดำเนินการอย่างเข้มข้นขึ้น โดยนำเงินค้ำประกันมาดำเนินการซ่อมเอง นอกจากนี้ ให้ ทช.พิจารณาแก้ไขระเบียบว่าจะขึ้นบัญชีดำเป็นผู้รับเหมาทิ้งงานได้หรือไม่ เพราะถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ
ด้านนายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า ตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ตามสัญญาผู้รับจ้างจะมีการรับประกันงานซ่อมบำรุงรักษาถนนเป็นระยะเวลา 2 ปี หลังส่งมอบงาน โดย ทช.จะทำการตรวจสภาพทางทุก 3 เดือน หากพบถนนชำรุด เสียหาย (ยกเว้นจากเหตุภัยพิบัติ น้ำท่วม) จะแจ้งผู้รับเหมาให้เข้ามาดำเนินการซ่อมแซมภายใน 30 วัน ซึ่งหากไม่เข้ามาซ่อมแซม ทช.จะขึ้นบัญชีดำ (Black List ) ตัดสิทธิ์ยื่นประกวดราคา ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าผู้รับเหมาส่วนใหญ่มักจะเพิกเฉย และเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมในช่วงระยะรับประกันปีที่ 2 เพื่อปลดบัญชีดำ ทำให้สามารถยื่นประมูลงานได้อีก
"รมว.คมนาคม ขอให้ไปพิจารณาดูว่าจะเพิ่มความเข้มข้นอย่างไร เช่น ปรับปรุงระเบียบ จากการขึ้นบัญชีดำตัดสิทธิ์ยื่นประกวดราคา เป็นขึ้นบัญชีดำเป็นผู้รับเหมาทิ้งงานแทน ซึ่งจะทำให้ผู้รับเหมาไม่สามารถยื่นประมูลงานได้อีกเลย" อธิบดีกรมทางหลวงชนบทกล่าว
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2563 ทช.ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 47,472 ล้านบาท เป็นการดำเนินการตามภารกิจและนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ ถนนลูกรังเป็นถนนลาดยางหรือคอนกรีต ถนนเพื่อการแก้ไขปัญหาจราจรในปริมณฑลและภูมิภาค, ถนนในเขตผังเมืองรวม, ถนนสนับสนุนการท่องเที่ยว, ถนนเพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้, ถนนเพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่ง, ถนนเพื่อสนับสนุนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยโครงการที่สำคัญในปีงบประมาณ 2563 ประกอบด้วย
- โครงการก่อสร้างถนนสาย จ4 และ จ5 ผังเมืองรวมเมืองมหาสารคาม ก่อสร้างเป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 3.222 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 167.100 ล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการทำแบบแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำราคากลาง คาดว่าจะลงนามในสัญญาภายในเดือน พ.ค.63
- โครงการก่อสร้างถนนสาย ง1 ผังเมืองรวมเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ก่อสร้างเป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 7.425 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ใช้งบประมาณในการสร้าง 425.450 ล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการทำแบบแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำราคากลาง คาดว่าจะลงนามในสัญญาภายในเดือนพฤษภาคม 2563
- โครงการก่อสร้างถนนสาย นพ.3055 แยก ทล.212 – บ้านเหล่าภูมี อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ก่อสร้างเป็นถนนขนาด 2 ช่องจราจร ระยะทาง 4.287 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 60.972 ล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการทำแบบแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำราคากลาง คาดว่าจะลงนามในสัญญาภายในเดือน เม.ย.63
- โครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ถึงตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ใช้งบประมาณ 27.500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมจัดจ้างที่ปรึกษา
ส่วนในปี 2564 ทช.ได้เสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ประมาณ 95,000 ล้านบาท โดยมีโครงการที่สำคัญ อาทิ ถนนสาย สป.4002 แยก ทล.3344 – บ้านบางพลีใหญ่ อำเภอเมือง, อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ระยะทาง 8.192 กิโลเมตร, ถนนสายแยก ทล.3452 – สี่แยกบ้านสร้าง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ระยะทาง 25.656 กิโลเมตร, ถนนสายแยก ทล.11 (ช่วงลำปาง-เชียงใหม่ กม.ที่ 3+800) – ทล.1 (กม.ที่ 712+300) อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง, ถนนสาย ง2 ผังเมืองรวมเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด, ถนนสายแยก ทล.1020 – บ้านกิ่วแก้ว อำเภอเทิง, จุน จังหวัดเชียงราย, พะเยา