นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เสนอให้เพิ่มแนวทางการใช้เงินจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) เพื่อลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภารครัฐให้มากขึ้นนั้น การเลือกโครงการที่จะใช้เงินจากกองทุน TFF ควรพิจารณาขนาดโครงการที่เหมาะสม ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง โดยใช้โมเดลแบ่งสัญญาการก่อสร้างออกเป็นหลายสัญญาเหมือนโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันผลกระทบจากความล่าช้าของโครงกาที่อาจเกิดขึ้นได้และจะส่งผลให้กองทุนมีภาระดอกเบี้ยมากขึ้นนั้น เบื้องต้นได้หารือกับกระทรวงการคลังในการปรับแผนเกลี่ยการใช้เงินจากกองทุน TFF ในโครงการที่มีผลตอบแทนการลงทุนที่ดี เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ ศรีนครินทร์-สุวรรณภูมิ และ สายนครปฐม-ชะอำ ของกรมทางหลวง (ทล.) เป็นต้น
ปัจจุบันการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ระดมเงินเข้ากองทุน TFF แล้วกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยนำมาใช้ในการลงทุนทางด่วนสาย พระราม3-ดาวคะนอง-ถนนวงแหวนรอบนอกฯ และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ช่วง N2 แต่การเบิกใช้เงินล่าช้า ขณะที่กองทุน TFF นั้นมีภาระต้นทุนดอกเบี้ย ดังนั้นจึงมอบนโยบายให้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินจาก TFF
ส่วนการเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจตามนโยบายของนายสมคิดนั้น ในส่วนของกระทรวงคมนาคมมีโครงการขนาดใหญ่ที่จะประกวดราคาในปี 2563 ได้แก่ โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ได้แก่ สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มธ.ศูนย์รังสิต วงเงิน 6,570.40 ล้านบาท, สายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 10,202.18 ล้านบาท สายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช วงเงิน 6,645.03 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ที่จังหวัดนราธิวาส ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนปี 2563 ที่มีวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 47 โครงการ มีวงเงินรวม 1.7 แสนล้านบาทด้วย