นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาเนื้อหมูภายในประเทศ หลังจากที่ประเทศเพื่อนบ้านและจีน เกิดโรคอหิวาต์แอฟริการะบาดว่า กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากราคาหมูเป็นในประเทศขยับขึ้นเกิน กก.ละ 80 บาท อาจจะใช้วิธีการจำกัดการส่งออก เพื่อให้หมูเป็นในประเทศมีเพียงพอ ส่วนหมูเนื้อแดงจะใช้วิธีการแทรกแซงราคาขายปลีก โดยจะร่วมมือกับผู้ค้าตรึงราคาจำหน่าย และร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า ร้านธงฟ้าที่มีอยู่ทั่วประเทศเป็นจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อหมูเนื้อแดงได้ทั่วถึง
ขณะนี้ราคาหมูมีชีวิตภายในประเทศยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 70-75 บาท/กก. สูงสุดอยู่ไม่เกิน 80 บาท/กก. และราคาหมูเนื้อแดง 150-160 บาท/กก. ซึ่งเป็นราคาปกติ ทั้งนี้
"ราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น มีผลมาจากการส่งออกหมูเพิ่มขึ้น ตอนนี้ส่งออกถึงวันละ 6,000-8,000 ตัว เพราะราคาหมูเป็นในประเทศเพื่อนบ้านและจีนเพิ่มขึ้น โดยที่จีน กก.ละ 151 บาท เวียดนาม 110 บาท กัมพูชา 88 บาท จึงเอื้อต่อการส่งออกไปขาย ซึ่งกรมไม่ได้ห้าม และไม่ได้จำกัดการส่งออก จะส่งเท่าไรก็ส่งไป แต่ได้ตกลงกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติว่า ถ้าราคาหมูเป็นในประเทศเกิน 80 บาท จะมีมาตรการออกมาใช้ เป็นสัญญาสุภาพบุรุษที่ทำไว้ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคในประเทศได้รับผลกระทบ" นายวิชัยกล่าว
อธิบดีกรมการค้าภายใน คาดว่า การแก้ไขปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรระบาด ทั้งในจีนและประเทศเพื่อนบ้าน คาดว่าต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2-3 ปี ดังนั้นจึงยังเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกหมูไปขาย ซึ่งขณะนี้สมาชิกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ขยายการเลี้ยงหมูเป็นเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนกว่าหมูจะโต คาดว่าหลังจากเดือนมิ.ย.63 สถานการณ์ราคาจะดีขึ้น เพราะพ้นหน้าร้อน หมูจะโตเร็วขึ้น ทำให้มีหมูเพียงพอที่จะใช้บริโภคในประเทศและส่งออก
ส่วนการส่งออกหมูเป็น ก่อนหน้านี้ไทยเคยส่งออกสูงถึงปีละ 3 ล้านตัว และปี 62 ส่งออก 400,000-500,000 ตัว ส่วนปี 63 หากส่งออกได้เฉลี่ยวันละ 6,000-8,000 ตัว จะทำให้แต่ละเดือนส่งออกได้เฉลี่ย 180,000-240,000 ตัว และทั้งปีจะส่งออกได้ 2.16-2.88 ล้านตัว ซึ่งสามารถทำได้ และไม่กระทบต่อการบริโภคในประเทศ โดยแต่ละปีไทยสามารถผลิตหมูเป็นได้ประมาณ 22 ล้านตัว