ดัชนี SMEs Q4/62 ปรับลดทุกด้าน แต่คาด Q1/63 จะดีขึ้น หลังรัฐออกมาตรการสนับสนุน-เร่งลงทุนภาครัฐ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 23, 2020 13:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ SMEs และดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ประจำไตรมาสที่ 4/62 เป็นการสำรวจจาก 1,233 ตัวอย่างทั่วประเทศ โดยสำรวจ 3 ดัชนี ได้แก่ 1.ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ SMEs (SMEs Situation Index) 2.ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจฯ (SMEs Competency Index) และ 3.ดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจ SMEs (SMEs Sustainability Index) นำมาประมวลให้เห็นถึงดัชนีความสามารถในการแข่งขันของ SMEs (SMEs Competitiveness Index)

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ ไตรมาส 4/62 อยู่ที่ 40.8 ปรับตัวลดลง 0.7 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (3/62) ส่วนคาดไตรมาส 1/63 เชื่อว่าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 41.2 เมื่อจำแนกตามลักษณะการเป็นลูกค้า พบว่ากลุ่มที่ไม่ใช่ลูกค้าของ ธพว. ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจปรับจากระดับ 35.0 มาอยู่ที่ระดับ 34.2 ส่วนกลุ่มที่เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ จากระดับ 47.0 มาอยู่ที่ระดับ 46.5

ด้านดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจ ไตรมาสที่ 4/62 อยู่ที่ระดับ 47.2 ปรับตัวลดลง 0.6 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนคาดไตรมาส 1/63 จะขยับขึ้นอยู่ที่ 47.9 เมื่อจำแนกตามลักษณะการเป็นลูกค้า พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจจากระดับ 39.6 มาอยู่ที่ระดับ 38.7 ขณะที่กลุ่มที่เป็นลูกค้า ธพว.จากระดับ 56.2 มาอยู่ที่ระดับ 55.9 และด้านดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจ ไตรมาสที่ 4/62 อยู่ที่ระดับ 50.4 ปรับตัวลดลง 0.7จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนคาดไตรมาส 1/63 จะขยับขึ้นอยู่ที่ 50.8 เมื่อจำแนกลักษณะตามการเป็นลูกค้า พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธพว.ดัชนีจากระดับ 43.8 มาอยู่ที่ระดับ 42.7 ขณะที่กลุ่มที่เป็นลูกค้า ธพว.จากระดับ 58.5 มาอยู่ที่ระดับ 58.2

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า จาก 3 ดัชนีข้างต้น นำมาสู่ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ประจำไตรมาสที่ 4/62 พบว่า อยู่ที่ระดับ 46.1 ปรับตัวลดลง 0.8 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และคาดว่าในไตรมาสที่ 1/63 ดัชนีจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 46.6 เมื่อจำแนกตามลักษณะการเป็นลูกค้า พบว่ากลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีความสามารถในการแข่งขันลดลงจากระดับ 39.5 มาอยู่ที่ 38.5 ส่วนลูกค้า ธพว. ดัชนีความสามารถในการแข่งขัน จากระดับ 54.1 มาอยู่ที่ 53.5

สำหรับผลสำรวจความต้องการความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือพัฒนากิจการจากภาครัฐ กลุ่มตัวอย่างระบุว่า 1.ความต้องด้านการสนับสนุนและการพัฒนาเศรษฐกิจ เช่น นโยบายภาครัฐ การส่งเสริมด้านเงินลงทุน การส่งออก ราคาน้ำมัน การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และการลดค่าครองชีพ 2.ความต้องการด้านการส่งเสริมธุรกิจ เช่น ส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ สนับสนุนธุรกิจชุมชน ช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 3.ความต้องการด้านสินเชื่อ เช่น ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของธนาคาร การเข้าถึงสินเชื่อ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยธนาคาร ขั้นตอนในการขอสินเชื่อ และวงเงินในการกู้ยืม

4.ความต้องการด้านภาษี เช่น การลดอัตราภาษี ปรับโครงสร้างภาษีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การยกเว้นภาษี และการเก็บภาษีซ้ำซ้อน 5.ความต้องการด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี เช่น สนับสนุนทุนเทคโนโลยี การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และการจัดอบรมความรู้ทางด้านเทคโนโลยี และ 6.ความต้องการด้านการท่องเที่ยว เช่น ส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยว และสนับสนุนงบสำหรับการท่องเที่ยว

"สิ่งสำคัญของผลสำรวจครั้งนี้ สะท้อนว่า ผู้ประกอบการ SMEs ไทย ยังมีความเชื่อว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจของ SMEs ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า หรือไตรมาส 1/63 น่าจะปรับดีขึ้น อันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริม SMEs ของภาครัฐที่ออกมาแล้ว และกำลังทยอยออกมาเพิ่มเติมต่อเนื่อง เช่น มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย เป็นต้น รวมถึงการลงทุนภาครัฐ จะมีส่วนสำคัญทั้งทางตรงทางอ้อมให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ช่วยให้สถานการณ์ธุรกิจของเอสเอ็มอีปรับตัวดีขึ้น" นายธนวรรธน์ระบุ

ด้านนายสมานพงษ์ เกลี้ยงลำยอง รองกรรมการผู้จัดการ SME D Bank กล่าวว่า จากผลสำรวจดังกล่าว เห็นได้ชัดเจนว่ากลุ่ม SMEs ที่เป็นลูกค้า ธพว. มีค่าเฉลี่ยดัชนีทุกด้านสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของ ธพว. เนื่องจาก ธพว.มีนโยบายหลักในการเติมความรู้คู่ทุน นอกเหนือจากให้สินเชื่อดอกเบี้ยถูกแล้ว ยังเสริมด้วยการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปด้วย ทำให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพ สามารถปรับตัวอยู่รอดได้ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เช่น จัดอบรมการทำตลาดออนไลน์, บริหารจัดการต้นทุนธุรกิจ, แนะนำการทำบัญชีเดียว เป็นต้น

อีกทั้งช่วยขยายตลาดใหม่เพิ่มยอดขาย เช่น พาออกงานตลาดนัด "SME D ยกกำลัง 3" ที่ธนาคารจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งเดือนม.ค.นี้ จัดระหว่างวันที่ 23-24 ม.ค.63 ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 1 สำนักงานใหญ่ SME D Bank อีกทั้งพาเปิดตลาดอีคอมเมิร์ซ ผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดัง อย่าง Thailandpostmart.com, Shopee และ Lazada เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ