นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า วันนี้มอบนโยบายให้แก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ใน 3 ภารกิจหลักที่สำคัญ ประกอบด้วย 1. จากภารกิจหลักของ ธอส.ในการทำให้คนไทยมีบ้านนั้น ปัจจุบันความต้องการเข้าถึงที่อยู่อาศัยยังมีอยู่อีกมาก ประกอบกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และเพิ่มโอกาสในการมีบ้านให้แก่ประชาชน จึงได้ขอให้ ธอส.ช่วยดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเข้มข้นทั้งในส่วนของมาตรการเดิมและมาตรการใหม่ที่กำลังจะออกมา 2. ให้ ธอส.เข้ามามีส่วนช่วยในการดูแลเศรษฐกิจ เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในภาวะที่เศรษฐกิจมีความท้าทายอยู่ในปัจจุบัน ธอส.จึงถึอว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากที่จะช่วยประคองเศรษฐกิจผ่านการออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง
"ไม่ว่าจะเป็นมาตรการของเดิม หรือของใหม่ ธอส.ต้องติดตามและขยายผลให้ได้มากที่สุด ในภาวะนี้ต้องทำให้สภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากที่สุด ซึ่งธอส.มีบทบาทนำในส่วนนี้อยู่แล้ว" รมว.คลังระบุ
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ธอส.ได้เตรียมวงเงิน 1 แสนล้านบาท ไว้ปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐ และกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ รวม 3 มาตรการ ประกอบด้วย 1.โครงการบ้านสานรัก วงเงินสินเชื่อรวม 30,000 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อเดือน วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยจะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน หลังจากชำระเงินกู้คงที่ในช่วง 3 ปีแรกหมดแล้ว ทำให้มีภาระดอกเบี้ยถูกลง เฉลี่ย 3.5% จากเดิม 4%
2.โครงการบ้านสานรัก วงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ที่มีรายได้สูงกว่า 35,000 บาทต่อเดือน โดยไม่จำกัดวงเงินกู้ ซึ่งจะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน หลังจากชำระเงินกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก และลอยตัวแล้ว 2 ปี ทำให้มีภาระดอกเบี้ยถูกลงเหลือ 3.75% จากเดิม 4.2%
3.สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อัตราดอกเบี้ย 2.65-2.7% คงที่ 3 ปี วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท จากการออกสลากออมทรัพย์ธอส.วงเงิน 50,000 ล้านบาท ที่จะเปิดขายหน่วยละ 50,000 บาท 1 ล้านหน่วย ที่จะเปิดขายได้ในเดือนก.พ.นี้ หลังผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการธอส.ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถือว่าต่ำที่สุดจากปัจจุบันที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีที่ 2.77%
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าข้าราชการและบุคคลากรภาครัฐ อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ แต่มีผ่อนชำระเข้ามาต่อเนื่อง รวม 10,000 ราย คิดเป็นวงเงินหนี้ 8,300 ล้านบาท โดยจะให้ผ่อนชำระค่างวดเพียงครึ่งหนึ่งจากที่เคยชำระปกติ โดยให้นำเงินไปตัดเงินต้นทั้งหมด ซึ่งเป็นการปลอดภาระดอกเบี้ยนาน 6 เดือน โดยคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนเดือนมี.ค.นี้
ส่วนความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย มาตรการบ้านล้านหลัง ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2562 - 30 ธ.ค.2564 มีผู้ยื่นกู้ทั้งหมด 2.2 หมื่นราย คิดเป็นวงเงิน 1.7หมื่นล้านบาท โดยได้อนุมัติแล้ว 2.1 หมื่นราย เป็นวงเงินอมนุมัติ 1.5 หมื่นล้านบาท
ขณะที่สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2.5% วงเงิน 50,000 ล้านบาท มีผู้ยื่นกู้ทั้งหมด 1 หมื่นราย คิดเป็นวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ได้อนุมัติแล้ว 9 พันราย วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท และโครงการบ้านดีมีดาวน์ มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ 9 หมื่นราย พิจารณาผ่านเกณฑ์แล้ว 5 หมื่นราย และได้โอนเงินดาวน์คืนให้ประชาชนแล้ว 5.7 พันราย
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ในปีนี้ยังคงเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารไว้ที่ 2.09 แสนล้านบาทเช่นเดิม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% และจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งหมดในครั้งนี้ จะไม่กระทบกับผลกำไรของธนาคารในปีนี้ ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนทื่ได้ 1.3 หมื่นล้านบาท