นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการนำคณะกรรมการเข้าพบนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เพื่อหารือและผลักดันข้อเสนอภาคเอกชนในการขับเคลื่อนแนวทางส่งเสริมการประกอบธุรกิจ โดยมี 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน โดยปัจจุบัน สายการบินฯ ได้รับผลกระทบจากอัตราการจัดเก็บภาษีน้ำมัน จากเดิม 0.20 บาท/ลิตร มาเป็น 4.70 บาท/ลิตร ทำให้มีต้นทุนภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 23% จึงเสนอให้กระทรวงพิจารณาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการประกอบการ และสามารถนำนักท่องเที่ยวเดินทางสู่ต่างจังหวัดได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และสร้างโอกาสให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย
2. การทบทวนภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าไวน์ เนื่องจากปัจจุบันมีคนลักลอบนำเข้าไวน์โดยไม่เสียภาษีเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเนื่องจากภาษีนำเข้าค่อนข้างสูง จึงเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนอัตราภาษีสำหรับสินค้าไวน์ให้สามารถแข่งขันได้ โดยปัจจุบันมีโครงสร้างอัตราภาษีสุราชนิดไวน์ที่นำเข้าหลายอัตราและค่อนข้างสูง หากสามารถลดการลักลอบนำเข้าได้จะเพิ่มฐานรายได้ภาษีและกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการมากขึ้น
3. การปรับปรุงระบบภาษีสรรพสามิตสำหรับการประกอบการร้านอาหาร (กรณีปิดร้านช่วงก่อนเที่ยงคืน และหลังเที่ยงคืน) โดยปัจจุบันผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งมีการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และมีการแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นเพื่อการบันเทิง ที่ปิดทำการหลังเวลา 24.00 น. จะถูกจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมจัดเก็บเฉพาะผับและบาร์ ประเด็นนี้ ขอหารือให้กระทรวงฯพิจารณาทบทวนแนวปฏิบัติต่อการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับการประกอบการร้านอาหารกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
4. การสร้างความเข้าใจต่อแนวปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 เนื่องจากปัจจุบันหอการค้าไทยได้รับการสอบถามข้อมูลด้านแนวปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งรายละเอียดบางอย่างยังไม่มีความเข้าใจที่ดีพอต่อผู้เสียภาษี หอการค้าไทย และสภาหอการค้าฯ จึงมีกำหนดการจัดสัมมนา เรื่อง ไขข้อข้องใจภาษีที่ดินฯ ในวันที่ 24 ก.พ.2563 เพื่อสร้างความเข้าใจต่อแนวปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ โดยขอเชิญวิทยากรจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และกรมธนารักษ์ เพื่อร่วมให้ความรู้ความเข้าใจต่อแนวปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ ดังกล่าว
อีกทั้งขอให้กระทรวงฯ พิจารณาจัดทำ Application เพื่อตอบข้อซักถามที่เกิดขึ้นบ่อยให้ประชาชนศึกษาได้เอง และขอให้ทำ Video Clip อธิบายแนวทางการประเมินและชำระภาษีแต่ละประเภท เพื่อเป็นข้อมูลแนวปฏิบัติด้านภาษีแก่ประชาชน โดยในเรื่องนี้กระทรวงการคลังจะให้ความร่วมมือโดยจะสนับสนุนข้อมูลต่าง ๆ และขอให้เป็นการร่วมมือกันจัดทำระหว่างภาครัฐและเอกชน
นายกลินท์ กล่าวว่า หอการค้าไทยยังได้มีการหารือเพื่อติดตามความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ได้เคยเสนอต่อกระทรวง อาทิ แนวทางขับเคลื่อนการกำหนดมาตรการทางภาษีสรรพากร เพื่อปรับปรุงโรงแรมและห้องพักเก่า (Renovate) รวมทั้งเสนอให้โรงแรมได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษีนำเข้าเครื่องจักร โดยขอให้กระทรวงใส่ไว้ใน List เช่นเดียวกับโรงงานอุตสาหกรรม และการติดตามการลดหย่อนภาษีเงินได้และภาษีที่ดิน สำหรับเอกชนผู้ปลูกป่าเศรษฐกิจ โดยขอให้สามารถนำค่าใช้จ่ายที่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลใช้ในการปลูกและดูแลต้นไม้ที่ต้องการปลูกเป็นป่าเศรษฐกิจมาใช้หักลดหย่อนภาษีได้ และขอให้สามารถโอนสิทธิการลดหย่อนภาษีดังกล่าวให้ผู้ถือครองรายใหม่ ที่จะรับช่วงดำเนินการดูแลป่าเศรษฐกิจต่อเนื่อง รวมถึงข้อเสนอด้านการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวีให้มีผลทางปฏิบัติ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังขอให้กระทรวงฯ พิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างจากสถานการณ์อุทกภัย ตั้งแต่เดือน ก.ค.60 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ประกอบการก่อสร้างที่เป็นสมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ ได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น 68 ราย จำนวน 293 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนเม.ย.62) โดยขอให้มีการออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี และ/หรือกำหนดมาตรการช่วยเหลือ เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐได้ถือปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือ
สำหรับประเด็นปัญหาการขาดแคลนน้ำ หอการค้าไทยสนับสนุนรัฐให้มีการขุด ลอก คูคลอง เพื่อเพิ่มการกักเก็บน้ำ โดยได้หารือถึงวิธีการสร้างแรงจูงใจให้หอการค้าในแต่ละจังหวัดเร่งดำเนินการ รวมถึงวิธีการจัดการกับดินที่ขุดขึ้นมาถูกต้อง ซึ่ง รมว.คลัง ขอให้หอการค้าไทยเสนอแผนการดำเนินมาก่อน โดยผ่านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และจะพิจารณาให้ต่อไป
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้รับข้อเสนอต่าง ๆ ของหอการค้าไทย และจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติ โดยจะมีการติดตามความคืบหน้า และขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงที่รับผิดชอบในแต่ละเรื่องมารายงานให้ได้รับทราบในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้ขอให้ภาคเอกชนช่วยหาแนวทาง วิธีการ และเสนอโครงการที่ดำเนินการโดยภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนภาครัฐ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป