นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ประกอบการหน้ากากอนามัยว่า ผู้ประกอบการยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยปัจจุบันมีสต็อกสินค้าประมาณ 100 ล้านชิ้น รองรับความต้องการได้ถึง 4 เดือนนับจากนี้ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการได้เร่งเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกเท่าตัว โดยผลิตตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนผู้นำเข้า ก็เร่งนำเข้าเพิ่มขึ้น แต่อาจจะทำได้ไม่เร็วนัก เพราะประเทศที่ไทยนำเข้าอย่างจีนก็มีความต้องการใช้ในประเทศจำนวนมาก ซึ่งจะหาทางนำเข้าจากประเทศอื่นเพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจว่าหน้ากากอนามัยทุกชนิด จะไม่มีปัญหาขาดแคลนอย่างแน่นอน
ส่วนสถานการณ์ราคานั้น ได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตและผู้นำเข้าว่า หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ชิ้นละ 5-10 บาท และแบบ N95 ราคาตั้งแต่ชิ้นละ 27-70 บาท แล้วแต่คุณภาพการระบายอากาศ ซึ่งผู้ผลิตแนะนำให้ผู้ค้าปลีกบวกราคาได้เพิ่มอีกชิ้นละ 5-10 บาท ดังนั้น ราคาขายชนิดที่แพงสุดก็ไม่ควรเกินชิ้นละ 100 บาท
นายประโยชน์ กล่าวว่า กรมการค้าภายในได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากและแหล่งท่องเที่ยวแล้ว หากพบมีการกักตุนสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร จะดำเนินการตามกฎหมายทันที มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยผู้ที่พบเห็นการโก่งราคาหรือกักตุนสินค้า สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วนกรม โทร.1569
นอกจากนี้ ยังได้หารือร่วมกับผู้ผลิตและผู้นำเข้า เพื่อนำหน้ากากอนามัยมาจำหน่ายให้กับประชาชน โดยจะเน้นในพื้นที่ๆ มีความต้องการก่อน หรือหากพื้นที่ใดมีปัญหาการขาดแคลนก็ให้แจ้งเข้ามาที่กรมการค้าภายใน ซึ่งกรมฯ จะเร่งประสานผู้ผลิตนำหน้ากากอนามัยเข้าไปจำหน่ายให้
ขณะที่นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ โดยขอให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั้ง 76 จังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดปริมณฑล ภาคเหนือตอนบน และจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ติดตาม ตรวจสอบภาวะราคา และปริมาณการจำหน่ายหน้ากากอนามัยอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้กำกับดูแล ร้านค้า ผู้แทนจำหน่ายให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน และไม่ถือโอกาสขึ้นราคา รวมทั้งให้แนะนำแหล่งจำหน่ายให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยได้
ด้านนายนพร เกษจรัล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.เอ็น.สกายเทรด จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตจากปกติ โดยเริ่มมาตั้งแต่เดือนพ.ย.62 เพราะประเมินสถานการณ์เรื่องปัญหาฝุ่นพิษเอาไว้แล้ว และยิ่งในขณะนี้ มีปัญหาไวรัสโคโรนาระบาดเข้ามาอีก จึงได้เร่งกำลังการผลิตเพิ่มเติม เพื่อให้สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนที่เพิ่มขึ้น