(เพิ่มเติม) CIMBT ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 63 เหลือโต 2.3% จากเดิม 2.7% หลังประเมิน H1/63 โตต่ำกว่า 2%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 4, 2020 17:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า สำนักวิจัยฯ ได้ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2563 ลงเหลือโต 2.3% จากเดิมคาดโต 2.7% เนื่องจากในครึ่งปีแรกมีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่า 2% จากปัจจัยเสี่ยง 3 ด้านได้แก่ การเบิกจ่ายลดลง การลงทุนภาครัฐอาจติดลบ อีกทั้งเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนาในจีนและมีผู้ติดเชื้อหลายประเทศ รวมทั้งไทย มีผลกระทบให้จำนวนนักท่องเที่ยวมีโอกาสติดลบยาวในช่วงครึ่งปีแรก แต่คาดว่าปัจจัยดังกล่าวมีผลชั่วคราว คือราว 1-2 ไตรมาสและน่าจะฟื้นตัวโดยเร็ว และจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เหนือ 3% ในช่วงครึ่งปีหลัง

เศรษฐกิจไทยขณะนี้เปรียบเหมือนคนติดไวรัสโคโรนา ซึ่งมีอยู่สามอาการ คือ ไข้สูง หายใจติดขัด และมีอาการไอ อาการแรก คือ มีอาการไข้สูง จากรายได้การท่องเที่ยวที่น่าจะลดลงมากกว่า 1 แสนล้านบาท จากการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีแรก หากเทียบช่วงที่ไวรัสซาร์สหรือไข้หวัดหมู H1N1 ระบาดในจีน ซึ่งพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในไทยหดตัวสูงถึง 20% แต่มองว่าหากเหตุการณ์ซ้ำรอย รอบนี้อาจมีผลกระทบรุนแรงกว่ารอบก่อน เพราะในอดีตสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนอยู่ในระดับต่ำเพียง 7% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ขณะที่ในปัจจุบันสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนมีถึงมากกว่า 30% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด โดยเฉพาะในเดือนม.ค.และก.พ.มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยถึงเดือนละมากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งหากนักท่องเที่ยวจีนชะลอการท่องเที่ยวออกนอกประเทศ และไทยเป็นเป้าหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนลำดับต้น ๆ รายได้การท่องเที่ยวไทยก็มีโอกาสหดตัว การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมีโอกาสลดลงมาก

เมื่อแนวโน้มเป็นเช่นนี้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวลดลงจากภาคธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ขนส่ง ค้าปลีก อาหาร เครื่องดื่ม และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวทั้งหลาย ขณะที่เศรษฐกิจไทยพึ่งการท่องเที่ยวมากกว่า 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หากหายไปก็เป็นไข้หนาวสั่นได้

อาการที่สอง คือ หายใจติดขัดจากงบประมาณที่ยังไม่ผ่านสภาฯ จากคาดว่างบประมาณน่าจะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น เร่งการเบิกจ่ายเพื่อประคองเศรษฐกิจได้ แต่ในวันนี้การจะทำอะไรก็ติดขัดเหมือนหายใจไม่เต็มปอดด้วยงบประมาณปีก่อนที่เหลือน้อยและไม่สามารถนำมาเร่งลงทุนโครงการใหม่สร้างความเชื่อมั่นได้เต็มที่

อาการสุดท้าย คือ อาการไอ อาจต่างจากไวรัสนี้เพราะเป็นไอแห้ง ๆ ด้วยภาวะภัยแล้งที่กระทบรายได้ภาคเกษตร โดยเฉพาะปริมาณน้ำในเขื่อนที่ลดลงมากในภาคกลางและภาคตะวันออก ซึ่งอาจจะกระทบปริมาณข้าว และสินค้าเกษตรที่สำคัญอื่น และต้องระวังว่าปริมาณน้ำที่ลดลงจะไม่ลามไปกระทบภาคอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกในกลุ่มที่ต้องใช้น้ำมาก ที่สำคัญในเรื่องภัยแล้ง คือ เมื่อรายได้ภาคเกษตรหดหาย กำลังซื้อของครัวเรือนที่มีรายได้น้อยลดลง เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะชะลอโดยเฉพาะในภาคชนบทและในต่างจังหวัดมากกว่าปีก่อนๆ แต่อย่าเพิ่งหมดความหวัง

"เรามองว่าอาการของโรคเหล่านี้จะหายในช่วงครึ่งปีหลัง สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ควบคุมและแก้ไขได้ ไม่ใช่การเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาควบคุมได้ในจีน งบประมาณผ่านสภาฯรัฐบาลสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งลงทุนได้ เอกชนมีความเชื่อมั่น เศรษฐกิจไทยมีโอกาสทะยานได้เกือบ 3% ในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะจากภาคการส่งออกที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจและผลักดันการลงทุนภาคเอกชนไปพร้อมกัน เมื่อเรามีความหวังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในรอบแรก และหากเปรียบเทียบเศรษฐกิจปีนี้กับปีก่อน เทียบปัญหาสงครามการค้ากับไวรัสโคโรนา เรามองว่าสงครามการค้ากระทบเศรษฐกิจไทยแรงกว่า เพราะสงครามการค้ากระทบภาคการส่งออก ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 60% ของ GDP และมีผลต่อการจ้างงานและการบริโภคในวงกว้าง อีกทั้งเป็นปัญหาลากยาว ขณะที่ภัยจากไวรัสโคโรนาแม้กระทบต่อชีวิตคนแรงกว่า แต่ในด้านเศรษฐกิจนั้น ผลกระทบต่อเศรษฐกิจน่าจะน้อยกว่าเพราะกระทบกับเศรษฐกิจในวงจำกัด และน่าจะควบคุมได้ภายในเวลาอันสั้น"นายอมรเทพ กล่าว

นายอมรเทพ กล่าวว่า นอกจากการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกมีความเสี่ยงหดตัวจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญในอาเซียนเพราะต่างก็พึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวจากจีนเป็นส่วนมาก ขณะที่ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่องได้ยาวถึงระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงไตรมาส 2/63 ก่อนจะพลิกกลับมาแข็งค่าปิดปลายปีได้ในระดับ 30.50 บาท/ดอลลาร์ โดยการลดดอกเบี้ย จะปล่อยเงินบาทให้อ่อนในการประคองเศรษฐกิจแล้ว ซึ่งยังเหลือเครื่องมืออื่นอีกไหมในการกระตุ้นไม่ให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่า 2% หรือเสี่ยงต่ำสุดในรอบ 21 ไตรมาสหรือนับจากไตรมาส 4/57 ทำให้มองว่าสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วน คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไทยและนักท่องเที่ยวว่ารัฐบาลไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ แม้อาจต้องสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวบ้างในระยะสั้น แต่ก็จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็ว ขณะที่การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวหาตลาดใหม่ หรือส่งเสริมให้คนไทยมาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นก็นับเป็นอีกมาตรการที่จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้นได้เร็ว ขณะที่ภาคเกษตรและปัญหากำลังซื้อในภาคชนบทที่อ่อนแอนั้นเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวที่น่าจะได้รับการดูแลควบคู่ไปกับการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมองการจ้างคนในพื้นที่เพื่อสร้างสาธารณูปโภคในท้องถิ่น เช่น ถนน ระบบชลประทาน ที่กักเก็บน้ำ หรือแม้แต่การสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อดูแลผู้สูงอายุก็อาจเป็นการสร้างงานในพื้นที่ด้วยงบลงทุนที่ช่วยกระจายรายได้ด้วย

สุดท้ายในระยะสั้นจะต้องพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของภาคเอกชน เตรียมรับมือการแข่งขันด้านการส่งออกอีกรอบในช่วงครึ่งหลังของปีเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้น สงครามการค้าคลี่คลาย การส่งออกแม้จะเป็นความหวัง แต่จะต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งจะทำได้ด้วยการลงทุนด้านเครื่องจักร วันนี้จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนในช่วงที่มีความไม่แน่นอน ต้นทุนทางการเงินต่ำ ในการเร่งลงทุน และหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้เร็วในครึ่งหลังของปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ