นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ ได้ให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Form D ภายใต้ ASEAN Single Window (ASW) อย่างเต็มรูปแบบ โดยสามารถเชื่อมโยง e-Form D กับประเทศสมาชิกอาเซียนครบ 10 ประเทศแล้ว หลังจากผลักดันฟิลิปปินส์เชื่อมโยงสำเร็จเป็นประเทศสุดท้าย โดยได้เริ่มให้บริการพร้อมกับประเทศเมียนมา และ สปป.ลาว ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการในประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ สามารถใช้ e-Form D ประกอบการดำเนินพิธีการทางศุลกากรเพื่อขอใช้สิทธิพิเศษทางภาษีลดหย่อน/ยกเว้นภาษีนำเข้า ณ ประเทศอาเซียนปลายทาง แทนการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form D ที่เป็นกระดาษ และหากเกิดกรณีที่ระบบมีปัญหา ผู้ส่งออกยังสามารถมาขอ Form D แบบกระดาษเพื่อใช้สิทธิฯ ได้
"กรมฯ บรรลุผลสำเร็จขั้นแรกจากความมุ่งมั่นพัฒนาระบบการให้บริการให้เป็นแบบไร้กระดาษ (paperless) ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า เนื่องจากช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ เพิ่มความโปร่งใส รวมทั้งเป็นการยกระดับงานบริการของกรมฯ ให้ตอบสนองความต้องการต่อรูปแบบการค้าของภาคเอกชนในปัจจุบันได้มากยิ่งขึ้นด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ช่วยเอื้อให้การค้าขายภายในอาเซียนมีความคล่องตัว และเพิ่มมูลค่าการค้าขายในอาเซียนได้อย่างแน่นอน" นายกีรติ กล่าว
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การเชื่อมระบบ e-Form D กับอาเซียนครบ 10 ประเทศ นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการเจรจากับประเทศคู่ค้าภายใต้กรอบ FTA อื่นๆ โดยเฉพาะกรอบความตกลงอาเซียนและประเทศคู่เจรจา (ASEAN Plus) ที่ประเทศอาเซียนมีความตกลงกับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ เช่น จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย เพื่อขยายการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ประสบผลสำเร็จได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสามารถต่อยอดจากกรอบอาเซียนได้