Moody's Economy.com ระบุว่า ทั่วโลกจะจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีส่วนช่วยประคับประคองการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี2551 หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว ขณะที่ญี่ปุ่นก็มีความเสี่ยงว่าจะตามรอยสหรัฐเป็นรายต่อไป
แมทธิว แครนส์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Moody's Economy.com กล่าวในรายงานว่า เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงในอีกหลายเดือนข้างหน้าจากควันหลงที่เป็นผลสืบเนื่องจากวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐ และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรปตะวันตก และญี่ปุ่นจะมีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยไม่เกิน 2% ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจโลกจะซึมซับช่วงขาลงของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้ว และจะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อาทิ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน จะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจแซงหน้าประเทศที่พัฒนาแล้วในปี 2551
อุปสงค์ในประเทศของกลุ่มจี7ที่ลดลงจะเป็นตัวบั่นทอนเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วและฉุดให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำกว่าระดับ 3% ในปีนี้ ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนอาจร่วงลงจากระดับตัวเลข 2 หลัก แม้ว่าภาคการส่งออกและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงอุปสงค์ในประเทศจำนวนมาก น่าจะช่วยพยุงให้จีนมีอัตราการขยายตัวอยู่เหนือระดับ 10% ได้ในปีนี้
Moody's Economy.com กล่าวว่า เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องจากตัวเลขขาดดุลจำนวนมหาศาลทั้งในส่วนของบัญชีเดินสะพัดและดุลงบประมาณประจำปีจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจซบเซาลงและส่งผลให้เกิดส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะสามารถประคับประคองการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นถึงระยะกลางได้ แต่การขยายตัวเต็มที่ของประเทศเหล่านี้อาจส่งสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ผันผวนมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--