นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน สั่งการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เร่งศึกษาการเปิดให้เอกชนสามารถผลิตไฟฟ้าและซื้อขายไฟฟ้าในพื้นที่เข้าระบบได้ เพื่อทำให้เกิดการแข่งขันและรองรับการซื้อขายไฟฟ้าอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ เดิมภายใต้นโยบาย Enhancing Single Buyer ที่กำหนดให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้ารายเดียว
"มอบหมายให้ กกพ. แก้ไขอุปสรรคให้สอดคล้อง เปิดให้ผู้ผลิตไฟฟ้าโซลาร์ฯสามารถซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันในพื้นที่เฉพาะ หรือ Sandbox ได้ โดยจะต้องแก้ไขกฏหมายเรื่องโครงสร้างกิจการไฟฟ้าแบบ Enhanced Single-Buyer Model (ESB) ที่ให้ กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้ารายเดียวเพื่อให้รายอื่นเข้ามาซื้อขายระหว่างกันได้ และยังเป็นพื้นฐานเชื่อมโยงไปถึงการซื้อขายไฟฟ้าในอาเซียน"นายสนธิรัตน์ กล่าว
พร้อมกันนั้น นายสนธัตน์ ยังกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การจัดตั้งอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน(กองทุนอนุรักษ์ฯ) ว่า การจัดตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อแก้ปัญหาความไม่โปร่งใสในการพิจารณาโครงการที่ยื่นของบประมาณจากกองทุนฯ ซึ่งมีองค์ประกอบจากผู้แทนหลายหน่วยงานเพื่อให้การพิจารณาโครงการมีความรอบคอบ และมีกรรมการที่เกี่ยวข้องกับภาคชุมชนเข้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย เช่น สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและความคุ้นเคยกับชุมชนเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการดังกล่าว ไม่ได้มีอำนาจที่ชี้ขาดโครงการฯ เพราะการพิจารณาอนุมัติโครงการมีกระบวนการในหลายขั้นตอน และสุดท้านต้องนำเสนอคณะกรรมการฯ กองทุนอนุรักษ์ฯ ชุดใหญ่ ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบ
นายสนธิรัตน์ ยืนยันว่า การแต่งตั้งอนุกรรมการฯ ชุดดังกล่าวมาจากตัวแทนภาคประชาชน และตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่ความสนิทส่วนตัว และการยื่นเสนอโครงการฯเพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนในปีนี้ก็มีทุกพรรคการเมืองเตรียมยื่นเสนอโครงการฯจำนวนมาก ไม่ใช่แค่พรรคพลังประชารัฐ และทุกโครงการจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างโปร่งใส
สำหรับการพิจารณาอนุมัติโครงการฯในปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทจะเปิดให้ยื่นข้อเสนอในเดือน ก.พ.นี้ จากนี้ไปจะดำเนินการให้โปร่งใสและเปิดเผยข้อมูลในทุกขั้นตอน ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลผ่านเว็บไซต์สำนักงานกองทุนอนุรักษ์ฯ เริ่มตั้งแต่การยื่นเสนอโครงการฯ จนกระทั่งผ่านการพิจารณาในแต่ละขั้นตอน นอกจากนี้ยังมีการตั้งคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลหลังการอนุมัติโครงการฯไปแล้วว่าได้ประสิทธิภาพอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาละทิ้งโครงการฯเหมือนอดีต และต้องโปร่งใส เป็นธรรม