น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม วงเงิน 372.51 ล้านบาท เพื่อเป็นเครื่องมือให้รัฐสามารถบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำข้อมูลมาใช้ประกอบในการกำหนดนโยบายภาครัฐที่เหมาะสมต่อไป
"โครงการนี้เป็นการจัดจ้างเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญดำเนินการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มแบบ Real Time ที่ถังเก็บน้ำมันความจุตั้งแต่ 1,000 ตันขึ้นไป จำนวน 455 ถัง ของผู้ประกอบการโรงสกัดน้ำมันปาล์ม โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม โรงงาน ไบโอดีเซล และคลังรับฝาก โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือนนับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญา" น.ส.รัชดา กล่าว
สำหรับระบบการตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์ม ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1)ระบบตรวจวัดปริมาณ เป็นอุปกรณ์วัดระดับและความหนาแน่นในถัง และอุปกรณ์วัดอุณหภูมิ ทำหน้าที่ตรวจสอบความแตกต่างของอุณหภูมิเพื่อใช้ในการคำนวณปริมาตร 2)ระบบประมวลผลและส่งสัญญาณ ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลการตรวจวัดปริมาณและส่งข้อมูลไปยังระบบส่วนกลาง เพื่อแสดงผลที่เป็นปัจจุบัน (Real Time) อยู่ในระดับเกณฑ์ปกติ เตือนภัย หรือวิกฤต 3)ระบบฐานข้อมูลและซอฟแวร์ประมวลกลาง ทำหน้าที่ประมวลข้อมูลปริมาณน้ำมันจากแต่ละถัง และสามารถสั่งการให้ระบบตรวจวัดปริมาณได้ตลอดเวลาจากส่วนกลาง
โดยโครงการนี้ใช้งบประมาณจำนวน 372.51 ล้านบาท ให้จัดสรรจากงบกลางฯ ปี 2562 หรืองบกลางฯ ปี 2563 แล้วแต่กรณี โดยแบ่งเป็น 1) งบลงทุนและค่าเครื่องมือ จำนวน 368.54 ล้านบาท และงบดำเนินการ จำนวน 3.96 ล้านบาท
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประโยชน์ที่จะได้จากโครงการนี้ ได้แก่ 1)ทำให้มีระบบติดตามตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์มดิบทั้งระบบที่มีความถูกต้องแม่นยำ 2)เป็นกลไกในการตรวจสอบการและป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม โดยใช้ข้อมูลบ่งชี้จากความผิดปกติของปริมาณน้ำมันในสต๊อก 3) รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันปาล์มและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้การดำเนินโครงการดังกล่าวในระยะต่อไปให้ภาคเอกชนและผู้ประกอบการเป็นผู้รับผิดชอบ