นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. ... หรือมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นการขยายเวลาการจดแจ้งการขอใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับการประกอบกิจการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตั้งแต่วันที่ พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ใช้บังคับออกไปจนถึงวันที่ 30 ธ.ค.63 โดยกำหนดให้มีการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 20% ลงเหลือ 10% เป็นเวลา 10 รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันให้แก่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ (Special Economic Zone) สำหรับกำไรสุทธิจากรายได้ที่เกิดจากการผลิตสินค้าหรือการให้บริการ และมีการใช้บริการในเขต SEZ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ได้จดแจ้งการขอใช้สิทธิการเป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในพื้นที่ SEZ
นางนฤมล กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้มีการพิจารณาการสูญเสียรายได้ของรัฐจากการบังคับใช้ร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้เพียง 4 ล้านบาท แต่จะเป็นการส่งเสริมให้มีการลงทุนในพื้นที่ SEZ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้มีการผลิตสินค้าและบริการในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งสอดรับกับนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ขณะที่กระทรวงการคลังเห็นว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกิดการบริจาคของภาคเอกชน จึงกำหนดมาตรการภาษีเพื่อจูงใจให้ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล บริจาคทรัพย์สินที่ใช้สำหรับการประกอบอุตสาหกรรม 4.0 โดยเน้นเรื่องเครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ระบบออโตเมชั่น หรือโรบอติก (AI) โดยกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวน 3 เท่าของที่จ่ายจริง และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์สำหรับส่วนที่จ่ายไปเพื่อทรัพย์สินที่บริจาคให้ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาบุคลากรเพื่ออุตสาหกรรม 4.0 ดังกล่าว โดยการยกเว้นภาษีดังกล่าวจะดำเนินการเฉพาะในปีภาษี 2563 เท่านั้น
​ด้านนางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรกำลังเตรียมการที่จะออกมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับนิติบุคคลที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ SEZ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมีการผลิตสินค้า และบริการ ในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้มีงานทำ และเป็นการกระจายความเจริญ และเพิ่มรายได้แก่ท้องถิ่น ลดการเคลื่อนย้ายแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยทางกรมสรรพากรจะเปิดให้นิติบุคคลในพื้นที่ SEZ ยื่นขอรับสิทธิได้ทันที จนถึงวันที่ 30 ธ.ค.63
การออกมาตรการภาษีนี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมการค้าชายแดนให้มีความเข้มแข็ง อีกทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทย และประเทศกลุ่ม CLMV ด้วย โดยกรมสรรพากรจะร่วมผลักดันไปพร้อมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี และลดหย่อนภาษี 50% อีก 5 ปี ในกิจการกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังได้เตรียมการที่จะออกมาตรการภาษีสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งจะเป็นการ ให้สิทธิประโยชน์แก่นิติบุคคลที่บริจาคทรัพย์สิน ได้แก่ เครื่องจักร ส่วนประกอบอุปกรณ์ เครื่องมือ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรเพื่อระบบอัตโนมัติ ให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษาของรัฐ โรงเรียนเอกชน (ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบ) หรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน โดยสามารถหักรายจ่ายได้สูงสุด 3 เท่า (ไม่เกินกำไรสุทธิหรือไม่เกิน 100 ล้านบาท) อีกทั้งทรัพย์สินที่บริจาค ยังได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์อีกด้วย ทั้งนี้ นิติบุคคลสามารถบริจาคทรัพย์สินได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 63 ​