"ศักดิ์สยาม"ลุยเมกะโปรเจ็คต์ปี 63 กว่า 3 แสนลบ.พร้อมเตรียมของบปี 64 ราว 1.79 แสนลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 11, 2020 15:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รมว.คมนาคม ประกาศเดินหน้าลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็คต์) หลัง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ไม่เป็นโมฆะ ลุยลงทุนปีนี้กว่า 3 แสนล้านบาท เตรียมเข็นโครงการมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ วงเงิน 7.90 หมื่นล้านบาท เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือน ก.พ.63 และโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ N2 เชื่อมต่อถนนวงแหวนรอบนอก กทม.ด้านตะวันออก วงเงิน 1.52 หมื่นล้านบาทเป็นลำดับถัดไป พร้อมให้นโยบายกับทุกหน่วยงานซอยงานเล็กลงภายใต้สัญญาสร้าง 2 ปี เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จได้โดยเร็วและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะเดียวกันเตรียมเสนองบประมาณปี 64 ลงทุน 46 โครงการ วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ต่อ ครม.

สำหรับการขยายสัมปทานทางด่วน 15 ปี 8 เดือนให้ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ(BEM) เพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาทนั้น รมว.คมนาคม ยืนยันขั้นตอนการพิจารณาดำเนินการอย่างถูกต้อง ซึ่งนำส่งเรื่องให้บรรจุเป็นวาระการพิจารณาของ ครม.ตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสั่งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ศึกษาการลงทุนสร้างปรับปรุงทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) และปัญหาจราจรติดขัดบนทางด่วน

ขณะที่คาดว่าในเดือน มี.ค.63 คาดว่าออกประกาศกฎกระทรวงเพื่อเปิดทางให้รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถให้บริการรับส่งผู้โดยสารสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่นได้

*ปี 63 ลุยเมกะโปรเจ็คต์กว่า 3 แสนลบ.

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในปีงบประมาณ 2563 จะใช้ลงทุนทั้งงบประมาณปกติและงบลงทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมประมาณกว่า 3 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วหลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ประกาศใช้ก็จะเร่งรัดดำเนินการทันที

โดยได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดบริหารสัญญาโครงการขนาดใหญ่ด้วยการซอยย่อยแต่ละสัญญามีระยะเวลาก่อสร้างไม่เกิน 2 ปี เช่นเดียวกับโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ที่แยกสัญญาโครงการเป็น 40 สัญญา ส่งผลให้สามารถบริหารโครงการได้รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งระบุให้ใช้วัสดุและแรงงานในท้องถิ่น (Local content) 50%

สำหรับระยะเวลาที่เหลือในปีงบประมาณ 2563 มีประมาณ 7 เดือน ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณในวันที่ 30 ก.ย.63 ซึ่งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงฯ จะทยอยดำเนินการเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้กระทรวงฯ วางแผนการก่อสร้างกระจายความเจริญไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

"ถ้าเม็ดเงินโครงการลงไป ซัพพลายเชนการก่อสร้างจะมีการหมุน การจ้างแรงงานต่างๆ ก็ต้องมี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมว่าจะกระตุ้นให้เห็นในระยะที่เร็ว และผมพยายามเร่งให้การใช้จ่ายมันสามารถเข้าสู่ระบบได้เร็วที่สุด ตอนนี้ปรับแผน เราคิดว่ามีเวลา 8 เดือนตอนนี้อาจไม่ถึง 8 เดือน แต่ปลายทางต้องเสร็จเหมือนกัน คือ 30 กันยายน 2563 ก็ต้องเร่งซึ่งการปรับแผนก็มีหลายวิธีการ อย่างที่เห็น การทำขนาดงานให้เสร็จได้ทัน ถ้าขนาดงานต้องใหญ่ก็กำหนดในทีโออาร์ คนมาประมูลงานต้องมีแบบแผนงานให้ชัดเจนและทำให้เสร็จตามนั้น "นายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าในปีงบประมาณ 63 จะมีการลงทุนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานภายใต้กระทรวงคมนาคมกว่า 3 แสนล้านบาท ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์- มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่าเงินลงทุน 1.2 แสนล้านบาท ที่อยุ่ระหว่างการดำเนินการประกวดราคา คาดว่ากระบวนการหาผู้รับจ้างน่าจะเสร็จสิ้นในเดือน ต.ค.63 และทำควบคู่ไปกับการออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน

มอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ มูลค่าเงินลงทุน 7.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) และสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเตรียมเสนอ ครม.คาดว่าภายในเดือน ก.พ.63 ขณะเดียวกัน โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ N2 เชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกกทม.ด้านตะวนออก วงเงิน 1.52 หมื่นล้านบาท ก็เตรียมเสนอครม.เช่นกัน โดยได้ผ่านการอนุมัติของบอร์ด กทพ.เมื่อ 28 ธ.ค.62

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท เตรียมประกวดราคา และ การก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 2.2 หมื่นล้านบาทก็อยู่ระหว่างการประกวดราคา เช่นกัน

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังมีโครงการที่จะนำเสนอ ครม.ในระยะต่อไปอีก 13 โครงการ วงเงิน 5.5 แสนล้านบาท ได้แก่ ระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง และช่วงบางซื่อ-หัวหมาก ระยะทาง 25.9 กม.วงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท

การก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะ 2 จำนวน 7 สายทาง ระยะทางรวม 1,843 กม.ประกอบด้วย ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย วงเงิน 6.28 หมื่นล้านบาท, ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ วงเงิน 5.68 หมื่นล้านบาท, ช่วงขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 2.67 หมื่นล้านบาท, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี วงเงิน 3.75 หมื่นล้านบาท, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี วงเงิน 2.43 หมื่นล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา วงเงิน 5.74 หมื่นล้านบาท, ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 6.66 พันล้านบาท

รวมทั้ง มอเตอร์เวย์ สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว, การจัดหาเครื่องบินการบินไทยปี 62-69 จำนวน 38 ลำ, การพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะ 3, โครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะ 1, โครงการศูนย์ฝึกอบรมบุคคลากรด้านการบินและอวกาศ อู่ตะเภา, โครงการส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 4.2 หมื่นนล้านบาท

รมว.คมนาคม กล่าวว่า การลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็คต์จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่า 12% แสดงให้เห็นว่าโครงการลงทุนสำคัญด้านคมนาคมมีความคุ้มค่าในการลงทุน เนื่องจากมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง ทั้งนี้การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งโดยเชื่อมโยงแหล่งพื้นที่เกษตรกรรม อุตสาหกรรม และแหล่งท่องเที่ยว

สำหรับงบประมาณในปี 64 สำหรับโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงคมนาคมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 มีจำนวน 46 โครงการ วงเงินรวม 1.79 แสนล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินการปี 64-67

https://youtu.be/JQkNuXE38-Y


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ