นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ. ร่วมจัดแสดงนิทรรศการและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมพลังงานในงาน Future Energy Asia 2020 (FEA2020) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค กรุงเทพมหานคร
นายวิบูลย์ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ New Value Chain Creation in ‘Seamless Connectivity’ throughout Energy Hub of ASEAN and Beyond : การเชื่อมโยงแบบไร้ขอบเขตของศูนย์กลางซื้อขายพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่น โดยระบุว่าการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าระหว่างประเทศอย่างมีศักยภาพ ประกอบด้วย เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด อาทิ น้ำ แสงอาทิตย์ และลม ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยขจัดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าในภูมิภาคด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าไปยังแหล่งที่มีความต้องการใช้ ซึ่งตอบโจทย์ความสมดุลทั้งด้านความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ราคาเหมาะสม และความยั่งยืน
เป็นเวลาหลายปีที่ประเทศไทยได้ศึกษาการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าของอาเซียน จนกระทั่งปัจจุบัน กฟผ. สามารถดำเนินการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ประเทศลาว และมาเลเซียได้สำเร็จ และในอนาคตยังมีแผนเชื่อมโยงไปยังเมียนมา กัมพูชา และสิงคโปร์ ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าในระดับภูมิภาค สนับสนุนให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และแบ่งปันแหล่งพลังงานเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ในการช่วยให้ภาคพลังงานของอาเซียนมีความยืดหยุ่นในการแบ่งปันการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะจากพลังงานแสงอาทิตย์และลม ที่มีแนวโน้มปริมาณเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ถึงเวลาที่ต้องเปิดใจให้กว้างและเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และเพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ ความร่วมมือกันในระดับภูมิภาคเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
นอกจากนั้นในวันนี้ กฟผ. ยังจัด EGAT VIP Workshop ในรูปแบบการเสวนาใน 3 หัวข้อระหว่างผู้บริหาร กฟผ. นำโดยนายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กับผู้บริหารบริษัทผลิตไฟฟ้าชั้นนำในต่างประเทศ โดยมีหัวข้อการเสวนา ดังนี้ 1) RE GRID INTERGRATION : การเชื่อมโยงระบบไฟฟ้ากับพลังงานหมุนเวียน 2) REGIONAL RE INTERGRATION & RE INTERGRATION SOLUTIONS TO BE FIRM POWER SUPPLY : การเชื่อมโยงระบบไฟฟ้ากับพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคและวิธีการจัดการพลังงานหมุนเวียนให้มีเสถียรภาพ และ 3) REGIONAL STRATEGIC RE (COMMUNITY POWER PLANT) : โรงไฟฟ้าชุมชน อีกด้วย
สำหรับภายในงาน กฟผ. ได้นำนิทรรศการภายใต้แนวคิด Innovate power solution for a better life ร่วมจัดแสดง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตามวิสัยทัศน์ของ กฟผ. ในการนำนวัตกรรมพลังงานมาใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนไทย โดยนำเสนอนวัตกรรมเด่น อาทิ EGAT FSRU : โครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ EGAT ENERGY EXCELLENCE CENTER : อนาคตของการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ โดยผสมผสานพลังงานทางเลือกร่วมกับเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ HYDRO-FLOATING SOLAR HYBRID : ระบบผลิตไฟฟ้าผสมผสานระหว่างพลังน้ำจากเขื่อนและพลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์เซลล์ ลอยน้ำบนเขื่อน EGAT E-BIKE NO.5 : รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 และ Transmission & Distribution : การเชื่อมโยงระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานของภูมิภาคอาเซียน
อีกทั้งภายในนิทรรศการยังมี Talk Zone ซึ่ง กฟผ. ได้นำผู้เชี่ยวชาญบรรยายให้ความรู้ตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน โดยวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 บรรยายในหัวข้อ LNG SHIPPER : บทบาทการเป็นผู้นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 บรรยายในหัวข้อ OPPORTUNITY AND CHALLENGE FOR HYDRO-FLOATING SOLAR HYBRID : โอกาสและความท้าทายของระบบผลิตไฟฟ้าผสมผสานระหว่างพลังน้ำจากเขื่อนและพลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์เซลล์ลอยน้ำบนเขื่อน และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 บรรยายในหัวข้อ EGAT ENERGY EXCELLENCE CENTER : การบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ โดยผสมผสานพลังงานทางเลือกร่วมกับเทคโนโลยีรูปแบบใหม่
ทั้งนี้ งาน Future Energy Asia 2020 เป็นงานนิทรรศการและการประชุมระดับโลก ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีกลาง สำหรับผู้นำด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชีย ได้พบปะหารือเชิงนโยบาย พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และข้อมูล เพื่อร่วมกันบูรณาการการจัดการด้านพลังงานของภูมิภาคให้ก้าวไปสู่อุตสาหกรรมพลังงานแห่งอนาคต นอกจากนั้นยังเป็นช่องทางให้นักธุรกิจด้านพลังงานจากทั่วโลกพบปะเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่