นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ในวงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,776 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ จำนวน 1,332 ล้านบาท และเงินรายได้ กฟภ. จำนวน 444 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศภายในกรอบวงเงิน 1,332 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนของโครงการดังกล่าว โดย กฟภ. ทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ
ขณะเดียวกัน ยังให้ผ่อนผันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2535 เรื่อง แผนแม่บทการจัดการปะการังของประเทศ ในการดำเนินโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยให้ กฟภ. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
สำหรับโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง รวมทั้งเพื่อลดปัญหาในการปฏิบัติการและบำรุงรักษา ลดหน่วยสูญเสียในระบบจำหน่าย
โดยเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ คือ 1.ก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 33 KV จากเกาะพะงันไปยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 1 วงจร ขนาด 300 ตารางมิลลิเมตร ระยะทางประมาณ 45 วงจร-กิโลเมตร 2.ก่อสร้างระบบจำหน่าย ระยะทางประมาณ 21 วงจร-กิโลเมตร และ 3.ติดตั้งอุปกรณ์ยกระดับแรงดัน (AVR) จำนวน 2 ชุด
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีแผนการดำเนินงาน 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564-2566