มูดี้ส์คาด จีนเล็งใช้มาตรการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดภาวะเงินเฟ้อ

          Economy.com ซึ่งอยู่ในเครือสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะใช้มาตรการขึ้นดอกเบี้ยเป็นหลักในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องให้ผลในการควบคุมเงินเฟ้อได้ไม่ดีนัก
          "ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ เงินหยวนถูกปล่อยให้แข็งค่าขึ้นเกือบ 3% เมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อปีที่แล้วทั้งปีก็แข็งค่าเกือบ 7%" ซูเหม่ย ถัง นักเศรษฐศาสตร์ กล่าว "อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเงินหยวนที่แข็งค่าบวกกับนโยบายการเงินที่หละหลวมของเฟด จะดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติให้ไหลเข้ามาในจีน ในรูปแบบของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (เอฟดีไอ) และรูปแบบอื่นๆ"
          มูลค่าเอฟดีไอจีนทะยานแตะ 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. หรือกว่า 109.78% เมื่อเทียบเป็นรายปี อีกทั้งยังอยู่เหนือระดับค่าเฉลี่ยรายเดือนที่ 6.23 พันล้านดอลลาร์ในปี 2550 โดยตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการที่เงินหยวนแข็งค่าอย่างรวดเร็วไม่ช่วยลดสภาพคล่องในตลาดที่มีมากเกินไป
          "ดังนั้น จีนจึงเลิกใช้เงินหยวนเป็นเครื่องมือในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ" นางถังกล่าว
          อย่างไรก็ตาม นางถังเตือนว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจดึงดูดเงินร้อนเข้าสู่จีนมากขึ้น เนื่องจากทางสหรัฐกำลังลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และในที่สุดก็จะส่งผลให้ความพยายามที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่เป็นผล         
          นางถังแนะว่า รัฐบาลจีนควรใช้นโยบายงบประมาณในการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคในประเทศมากขึ้น เพื่อลดความต้องการด้านการลงทุนและส่งออกซึ่งมีมากเกินไป            
          ทั้งนี้ จีนตั้งเป้าไว้ว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 4.8%    
          เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่ายังมีที่ว่างพอสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 7.1% เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ปีที่แล้ว นับเป็นการปรับเพิ่มมากที่สุดในรอบ 11 ปี สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงาน