(เพิ่มเติม) ธอส.เผยอนุมัติสินเชื่อโครงการ"บ้านล้านหลัง"แล้วกว่า 2 หมื่นราย จับมือ"กรีน เมโทร"เร่งสร้างในอีสานอีก 1,200 ยูนิต

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 19, 2020 16:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ตามที่ ธอส. ได้จัดทำโครงการ "บ้านล้านหลัง" เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงานหรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุได้มีที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท กรอบวงเงินโครงการรวม 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้ารายย่อย (Post Finance) วงเงิน 50,000 ล้านบาท และสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) วงเงิน 10,000 ล้านบาท

โดยในส่วนของ สินเชื่อสำหรับลูกค้ารายย่อย ซึ่งแบ่งเป็น กรณีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 – ปีที่ 5 คงที่ 3.00% ต่อปี พร้อมฟรีค่าธรรมเนียม (4 ฟรี) ได้แก่ 1.ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 2.ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน 3.ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ 4.ฟรีค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง หรือกรณีรายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1- ปีที่ 3 คงที่ 3.00% ต่อปี กำหนดยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ล่าสุด ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 พบว่ามีผู้ติดต่อยื่นคำขอกู้แล้วจำนวน 23,766 ราย วงเงิน 17,513 ล้านบาท และ ธอส.ได้อนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้าได้มีบ้านในฝันเป็นของตนเองได้แล้วทั้งสิ้น 22,463 ราย วงเงินกู้ 15,988 ล้านบาท

ขณะที่กรณีสินเชื่อพัฒนาโครงการให้กู้สำหรับผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณสมบัติ พร้อมกับปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดนำไปจัดทำที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหน่วย จำนวนไม่น้อยกว่า 40% ของหน่วยขายทั้งหมดในโครงการ อัตราดอกเบี้ย MLR – 1.25% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 5.875% ต่อปี) ซึ่งมีผู้ประกอบการได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว 2 โครงการ วงเงินรวม 141.49 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ City Park Condo อาคาร B จำนวน 210 หน่วย ตั้งอยู่ที่ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ดำเนินการโดย บริษัท อีสาน พิมานกรุ๊ป จำกัด และ 2.โครงการ ดิ เอนทรีโอ ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น จำนวน 170 หน่วย ตั้งอยู่ที่ตำบลเชียงพิณ อำเภอเมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี โดย บริษัท กรีนเมโทร จำกัด

"จากจำนวนผู้ลูกค้ารายย่อยที่ร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ที่ล่าสุด ธอส.ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วถึง 15,988 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทมีอยู่จริงในตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่หากซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท จะผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงแค่ 3,800 บาทต่อเดือนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาทต่อราย หากลงทะเบียนและมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขของโครงการบ้านดีมีดาวน์ และจดทะเบียนนิติกรรมจำนองภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563 ซึ่งคาดว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศจะพร้อมลงทุนก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และธนาคารจะสามารถอนุมัติสินเชื่อตามโครงการบ้านล้านหลังได้ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท/เดือน" นายฉัตรชัย กล่าว

ด้านนายวิชัย ประเสริฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท กรีน เมโทร จำกัด ผู้พัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการ ดิ เอนทรีโอ กล่าวว่า ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างที่อยู่อาศัยคุณภาพดีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทให้แก่ชาวจังหวัดอุดรธานี พร้อมกับสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม บริษัท กรีน เมโทร จำกัด จึงได้จัดทำโครงการ ดิ เอนทรีโอ ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เฟสแรกจำนวน 170 หน่วย ตั้งอยู่บริเวณริมถนนซอยส่งน้ำชลประทาน ต.เชียงพิณ อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี และห่างจากตัวเมืองประมาณ 2.5 กิโลเมตรเท่านั้น โดยได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้จำนวน 50 ล้านบาท จาก ธอส. เพื่อก่อสร้างบ้านและพัฒนาสาธารณูปโภคในโครงการ และจำหน่ายได้หมดแล้วทั้ง 170 หน่วย

นอกจากนี้ บริษัท กรีน เมโทร จำกัด ยังมีแผนขยายการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่สามารถเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังอีกจำนวน 1,200 หน่วย ในพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วย จ.อุดรธานี จ.หนองคาย จ.ขอนแก่น จ.สกลนคร จ.ร้อยเอ็ด และ จ.นครราชสีมา เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นต่อไป

นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า ธอส.เตรียมเสนอกระทรวงการคลังให้ปรับเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อในโครงการบ้านล้านหลัง เพื่อช่วยเหลือให้คนไทยมีบ้าน ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากเดิมที่กำหนดให้ปล่อยกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย เป็นไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อราย เพื่อให้ครอบคลุมโครงการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้น และให้มีที่อยู่อาศัยที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามประกาศหลักเกณฑ์ใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

ทั้งนี้ บีโอไอได้เห็นชอบและอยู่ระหว่างประกาศหลักเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุน ให้ผู้ประกอบการที่ลงทุนสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ได้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี แต่จะต้องดำเนินการตามเงื่อนไข คือ ต้องสร้างอาคารชุดที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่ต่ำกว่า 24 ตารางเมตร ส่วนบ้านแถวหรือบ้านเดี่ยว ต้องมีพื้นที่ใช้สอยไม่ต่ำกว่า 70 ตารางเมตร โดยมีราคาขายต่อหน่วยไม่เกิน 1.2 ล้านบาท รวมราคาที่ดินในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และราคา 1 ล้านบาทในต่างจังหวัด โดยโครงการจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ธอส.ภายในวันที่ 30 ธ.ค.63

"ความต้องการบ้านราคา 1 ล้านบาท ยังมีอยู่จริงในตลาด และมีผู้ประกอบการหลายรายพร้อมที่จะลงทุนในทุกจังหวัด โดยในส่วนของกทม. เช่น ย่านพระราม 9 หรือย่านบางซ่อน ก็มีผู้ประกอบการบางรายเตรียมสร้างที่อยู่อาศัยหลักหมื่นยูนิต ออกสู่ตลาด ทำให้เห็นว่านโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้คนไทยมีบ้านเห็นผลได้จริง จึงมีที่อยู่อาศัยป้อนสู่ตลาดต่อเนื่องในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา" นายฉัตรชัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ