นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้ดำเนินโครงการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลทดแทนไตในผู้ป่วยไตเรื้อรังด้วยวิธีไตเทียม โดยให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว สามารถเบิกค่าฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในสถานพยาบาลเอกชนได้ เนื่องจากสถานพยาบาลของรัฐมีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรัง ให้สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 223 แห่งทั่วประเทศ (โดยผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ต้องการเข้ารับการรักษา สามารถตรวจสอบการให้บริการกับสถานพยาบาลเอกชน ได้จากแอพพลิเคชั่น "CGD iHealthCare" เลือกเมนูสถานพยาบาลที่เข้าร่วม เลือกกลุ่มเฉพาะโรค (ฟอกไต) จากนั้นใส่จังหวัดที่ต้องการค้นหาหรือชื่อสถานพยาบาลที่ต้องการค้นหา
"กรมบัญชีกลางได้เตรียมปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพื่อให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังสามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลเอกชนได้สะดวกมากขึ้น โดยได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ตามรายละเอียด ดังนี้
1. สามารถเบิกค่ายากระตุ้นเม็ดเลือดแดง (Erythropoietin) ที่สถานพยาบาลของเอกชนได้ จากเดิมผู้ป่วยต้องนำยาจากสถานพยาบาลของรัฐไปใช้ในการรักษาที่สถานพยาบาลเอกชน ทำให้คุณภาพของยาลดลง อีกทั้ง ยังเป็นการเพิ่มภาระการจัดเก็บยาให้กับสถานพยาบาลเอกชนด้วย
2. สามารถเบิกค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สถานพยาบาลเอกชนได้ จากเดิมที่ไม่สามารถเบิกได้ เพื่อให้คุณภาพในการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ" โฆษกกรมบัญชีกลางกล่าว
โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า หลักเกณฑ์ฯ ที่จะปรับปรุงดังกล่าว น่าจะเริ่มถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป สำหรับสถานพยาบาลเอกชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ดังกล่าว ให้ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์มาที่กรมบัญชีกลาง โดยระบุจำนวนเครื่องไตเทียมสำหรับผู้ป่วยฟอกเลือด สถานที่ตั้งของหน่วยไตเทียม วัน และเวลาที่เปิดให้บริการ พร้อมใบรับรองมาตรฐานการรักษาจากสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย