นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) เปิดเผยว่า สภาพัฒน์ยังประมาณการเศรษฐกิจในปี 51 เติบโตตามเป้าหมายเดิมที่ 4.5-5.5% แม้รัฐบาลจะทยอยประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องรอประเมินผลในไตรมาสแรกให้เรียบร้อยก่อน รวมทั้งประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมัน ค่าเงินบาทที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก
"แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นกลับมาให้เห็นชัดเจนแล้ว ดูได้จากรถยนต์ป้ายแดงที่ออกมาจำนวนมากเพราะประชาชนเริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมไปถึงการผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล มาตรการอสังหาริมทรัพย์ที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนให้เกิดขึ้น ก็ตาม แต่สภาพัฒน์ต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย" นายอำพน กล่าว
ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้น สภาพัฒน์ยังประมาณการไว้เท่าเดิมเช่นกันคือที่ 3.2-3.7% แม้ในช่วงไตรมาสแรกภาวะเงินเฟ้อค่อนข้างสูงก็ตาม เพราะเชื่อว่าจะทยอยลดลงในไตรมาสสอง หากในไตรมาสแรกควบคุมให้ได้ที่ 5% ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจ ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาดูมาตรการของกระทรวงพลังงานว่ามีผลมากน้อยเพียงใด เพราะที่ผ่านมาการส่งเสริมให้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลง 22 สตางค์ ดังนั้นต้องรอดูว่าในอีก 6 เดือนจะมีผลอย่างไรต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--