นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยทั้งหมด 11 โรงงาน รวมกำลังการผลิตทั้งประเทศที่ 36 ล้านชิ้น/เดือน เฉลี่ยวันละ 1.2 ล้านชิ้น ดังนั้นศูนย์บริหารหน้ากาก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จะบริหารจัดการให้เกิดความสมดุลที่สุด
อย่างไรก็ดี ยังมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง คือ ในส่วนที่เป็นขององค์การอาหารและยา (อย.) และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ที่รับไปยังไม่สามารถกระจายไปได้ทั่วถึง เช่น โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลอื่นๆ ดังนั้นจึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข องค์กรเภสัชกรรม และองค์การอาหารและยา เร่งเชิญโรงพยาบาลในทุกสังกัดมาหารือร่วมกับกรมการค้าภายใน เพื่อที่จะจัดสรรหน้ากากอนามัยให้เกิดความสมดุล และนำความต้องการของประชาชนมาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาด้วย
นายจุรินทร์ ย้ำว่า บุคลากรทางการแพทย์ต้องถือว่ามีความสำคัญในลำดับๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดในการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งโดยหลักการจะต้องจัดให้มีเพียงพอเสียก่อน ขณะที่ประชาชนทั่วไปก็จะต้องการกระจายไปให้ทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่ผ่านมา ได้มีการจัดจุดจำหน่ายหลายพื้นที่ รวมทั้งการกระจายหน้ากากอนามัยไปยังห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งร้านธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ด้วย
รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า วันพรุ่งนี้ (5 มี.ค.) กระทรวงพาณิชย์จะเริ่มจัดขบวนรถโมบายออกจำหน่ายหน้ากากอนามัยไปทั่วประเทศ สำหรับในกรุงเทพฯ จะมีจำนวน 20 คันเป็นอย่างต่ำ ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยเฉพาะชุมชนเมืองที่มีความต้องการหน้ากากอนามัย จะมีรถโมบายออกไปจำหน่ายเช่นกันในราคาชิ้นละ 2.50 บาท โดย 1 ชุดจะมี 4 ชิ้น ราคา 10 บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมดำเนินการไว้แล้ว
สำหรับโรงพยาบาลบางส่วนที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรจากกระทรวงสาธารณสุข วันนี้จะมีการหารือเรื่องนี้อีกครั้งว่าในส่วนของโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลสังกัดสภากาชาด สถานพยาบาลอื่นๆ โรงพยาบาลเอกชน ยังขาดหน้ากากอนามัยอยู่จำนวนเท่าไร กรมการค้าภายในและกระทรวงสาธารณสุข จะได้เชิญผู้แทนขององค์กรต่าง ๆ เข้ามาร่วมหารือในวันนี้ด้วย
"ได้กำชับในหลักการว่า บุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มเสี่ยงเบื้องต้น รวมทั้งผู้ป่วยด้วย จะต้องจัดสรรให้เพียงพอเสียก่อน และสำหรับประชาชนทั่วไป กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้ผู้ผลิตดำเนินการผลิตทั้ง 7 วัน 24 ชั่วโมง ทั้ง 11 โรงงาน และได้ส่งเจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายในติดตามการผลิต เพื่อเพิ่มจำนวนหน้ากากให้เพียงพอ และทั่วถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ระบุ
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า หน้ากากอนามัยทางเลือกที่รัฐบาลจะผลิตออกมาและแจกฟรีให้กับผู้มีความจำเป็นที่ต้องใช้โดยเฉพาะในหมู่บ้าน ตำบลต่างๆ จะเป็นหน้ากากผ้าที่สามารถซักได้ และนำมาใช้ซ้ำได้อีกหลายครั้ง โดยกรมการปกครองท้องถิ่นจะเป็นผู้ดำเนินการผลิตจำนวน 150 ล้านชิ้น เพื่อนำไปแจกจ่ายต่อไป
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้กระทำผิดกฎหมายในการกักตุนหรือจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาแพง จะมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งเมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) กรมการค้าภายในร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำผิดล็อตใหญ่ได้ และจะมีการดำเนินคดีต่อไป เพื่อสร้างความสบายใจให้กับพี่น้องประชาชนว่ารัฐบาลจะไม่ปล่อยปละละเลยเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด หากประชาชนมีเบาะแสเพิ่มเติม สามารถแจ้งมาได้ที่หมายเลข 1569 โดยได้กำชับให้เปิดสายรับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับเรื่องจากประชาชน และเข้าไปตรวจสอบได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการ
"ต้องยอมรับความจริง ว่าเราสามารถผลิตหน้ากากได้เดือนละ 36-38 ล้านชิ้น ถ้าหากประชาชน 60 ล้านคน ต้องการใช้พร้อมกัน ตัวเลขก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่พอแน่นอน แต่ต้องใช้ระบบบริหารจัดการร่วมกัน ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพาณิชย์ให้เกิดความเหมาะสมที่สุดภายใต้จำนวนที่มีอยู่จำกัด" นายจุรินทร์ ระบุ