ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ตามที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% มาที่กรอบ 1.00-1.25% ในการประชุมนัดฉุกเฉินเมื่อวันที่ 3 มี.ค.63 ซึ่งสะท้อนว่าเฟดปรับมุมมองที่มีต่อเรื่องผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน-ภาคธุรกิจ และภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไปในเชิงลบมากขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถรอเวลาจนถึงรอบการประชุมนโยบายการเงินตามปกติ ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์หลังจากนี้ได้
สำหรับประเทศไทยนั้น แนวโน้มที่อ่อนแอของเศรษฐกิจไทย และผลกระทบที่มากขึ้นตามระยะเวลาการระบาดของโควิด-19 ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินของไทย (จากปัจจุบันที่ 1.00%) ลงอย่างน้อย 0.25% ในรอบการประชุมวันที่ 25 มี.ค.63
"คาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว จะส่งผลต่อเนื่องให้อัตราดอกเบี้ยของตลาดการเงิน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับลดลงตามอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงินลงได้ระดับหนึ่ง ในระหว่างที่มาตรการทางการคลัง และมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ ของภาครัฐและภาคเอกชนกำลังลงไปสู่ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ และครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบ" บทวิเคราะห์ระบุ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ยังคงต้องติดตามการส่งสัญญาณของเฟด และการเปิดเผยตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชุดใหม่ในการประชุมตามวาระปกติของเฟดวันที่ 17-18 มี.ค.ที่จะถึงนี้อย่างใกล้ชิด เพราะข้อมูลดังกล่าว จะบ่งชี้ถึงการประเมินระดับความเสี่ยงและขนาดความรุนแรงของผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า สัญญาณผ่อนคลายทางการเงินของเฟด และธนาคารกลางหลายๆ ประเทศในระยะนี้ เป็นเพียงขั้นแรกๆ ของการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เพื่อช่วยจำกัดความเสี่ยงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศเผชิญความเสี่ยงที่จะหยุดชะงัก หรือหดตัวลงต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 2/2563
"โดยภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ย่อมมีผลกระทบทำให้การฟื้นคืนบรรยากาศความเชื่อมั่นยังคงเป็นเรื่องยาก และการกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างเต็มที่ของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของหลายประเทศและเศรษฐกิจโลกในภาพรวม อาจต้องใช้ระยะเวลาที่นานมากขึ้น" บทวิเคราะห์ระบุ
ระดับความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระยะข้างหน้า ทำให้ยังตลาดการเงินประเมินว่า เฟดยังมีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกอย่างน้อย 0.50% ภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ตลาดสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า เริ่มสะท้อนโอกาสประมาณ 9% ที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกลับไปอยู่ในกรอบ 0.00-0.25% ในกรณีที่การระบาดของ โควิด-19 รุนแรงในวงกว้าง และกระจายตัวไปยังหลายๆ ประเทศมากขึ้น