นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหาร บมจ.การบินไทย (THAI) และไทยสมายล์ ว่า จากการที่ THAI ได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลแต่ข้อมูลยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเป็นข้อเสนอในภาพรวม ทั้งกรณีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และแผนฟื้นฟู ตนเองจึงให้ THAI ไปแยกรายละเอียดเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ออกจากมาตรการแผนพื้นฟู โดยให้หารือร่วมกับคณะทำงานของกระทรวงคมนาคม ที่มีนายพีระพล สุภถาวรเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 1 สัปดาห์
เบื้องต้น THAI เสนอให้รัฐค้ำประกันการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามที่ประมาณการไว้ ขณะนี้ปริมาณผู้โดยสารลดลงทำให้มีการปรับลดเที่ยวบิน แต่ตัวเลขค่าใช้จ่ายเฉลี่ยยังคงอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาทต่อเดือน
"ค่าใช้จ่ายควรลดลงไปตามการลดของเที่ยวบินด้วย ตรงนี้ต้องไปดูใหม่ ทำมาให้ชัด ไม่บินทำไมค่าน้ำมันเท่าเดิม" นายศักดิ์สยาม กล่าว
โดยผู้บริหาร THAI ชี้แจงว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบต่อผลประกอบการรวม และทำให้ปี 63 จะติดลบ แต่ไม่ได้อธิบายให้ชัดว่า ติดลบจากกรณีผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เท่าไร ซึ่งเรื่องโควิด-19 เป็นปัญหาทั้งโลก บางสายการบินหยุดบินไปเลย ดังนั้นหาก THAI ต้องการให้ช่วยเหลือ จะต้องอธิบายได้ว่ามีปัญหาอย่างไร ได้แก้ไขอะไรไปบ้างแล้ว หรือทำไม่ไหวตรงไหน อย่างไร รวมถึงดูไปถึงอนาคตว่า การช่วยเหลือเยียวยาจะส่งผลไปถึงอนาคตอย่างไร เพราะนอกจาก THAI เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วยังเป็นสายการบินแห่งชาติด้วย
"ขณะนี้ได้ดำเนินการมาตรการต่างๆ ในการลดค่าใช้จ่ายได้ครบถ้วนแล้วหรือยัง เพื่อจะได้เห็นตัวเลขที่รัฐจะต้องช่วยเหลือเยียวยา กรณีโควิด-19 เท่าไร และต้องช่วยเมื่อใด นานแค่ไหน และผลจากการช่วยเยียวยาจะเป็นอย่างไร ผมมีหน้าที่ดูแลไม่ให้การบินไทยมีปัญหา ตอนนี้ยังสามารถทำธุรกิจได้ คงไม่ช็อต แต่การจะตัดสินใจอะไร ตัวเลขต้องชัดเจน ก่อนที่ผมจะนำไปเสนอ ครม." นายศักดิ์สยาม กล่าว
นอกจากนี้ THAI ยังเสนอขอปรับลดค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing fee) และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking fee) เนื่องจากเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่มีปริมาณเที่ยวบินมากที่สุด ซึ่งเบื้องต้นจะอยู่ในมาตรการที่เยียวยาให้ 17 สายการบินสัญชาติไทย ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะนำเสนอ ครม.เศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) นั้น หากได้รับความเห็นชอบ ทุกสายการบิน ซึ่งรวมทั้ง THAI และไทยสมายล์จะได้รับด้วย ซึ่งเป็นไปตามหลักและมาตรฐานเดียวกัน ส่วนค่าเช่าพื้นที่ต่างๆ กรณีเป็นหน่วยงานรัฐด้วยกันสามารถเจรจากันได้ เพื่อยืดระยะเวลาในการชำระเพื่อลดค่าใช้จ่ายในช่วงนี้ไปก่อน โดยต้องไม่ทำให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่มีผลกระทบ